Tel : 0-2680-5800

ไฟฟ้าที่เราใช้อยู่ทุกวันนี้ส่งมาถึงบ้านเราได้ยังไงน?

แล้วสายไฟฟ้าที่ใช้ในการส่งพลังงานไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าต้นทางมาจนถึงปลายทางผู้ใช้งาน ใช้สายไฟฟ้าชนิดใดบ้าง?

วันนี้ Phelps Dodge จะมาอธิบายการเดินทางของพลังงานไฟฟ้าและสายไฟฟ้าที่ใช้ในระบบส่งจ่ายไฟฟ้าของเรา ตามมาดูกันเลยค่ะ การเดินทางระยะไกลของพลังงานไฟฟ้าระดับหลายร้อยหลายพันเมกกะวัตต์จากโรงผลิตไฟฟ้าเริ่มจาก

💡การเพิ่มระดับแรงดันไฟฟ้าที่ผลิตได้จากโรงไฟฟ้า 10 – 40 กิโลโวลต์ให้สูงขึ้นถึงระดับ 230 หรือ 500 กิโลโวลต์ เพื่อลดความสูญเสียในสายส่ง แล้วส่งไฟฟ้าผ่านสายส่งแรงดันสูง (Transmission line) ที่เป็นตัวนำอลูมิเนียมเปลือยเสริมแกนเหล็กชนิด ACSR (Aluminium Conductor Steel Reinforced) ติดตั้งบนเสาสูงโครงสร้างโลหะ เดินทางข้ามจังหวัดเป็นระยะทางไกลจากโรงไฟฟ้ามาถึงเขตชุมชนเมือง

💡จากนั้นสถานีไฟฟ้าในแต่ละพื้นที่จะแปลงแรงดันไฟฟ้าให้ต่ำลงเป็นไฟฟ้าแรงดันสูง 115 หรือ 69 กิโลโวลต์ แล้วส่งจ่ายไฟฟ้าต่อไปโดยใช้สายตัวนำอลูมิเนียมเปลือย AAC (All Aluminum Stranded Conductor) ติดตั้งบนเสาไฟฟ้าคอนกรีต

💡เมื่อถึงสถานีไฟฟ้าย่อยจะแปลงไฟฟ้าแรงดันสูงเป็นแรงดันปานกลาง 22, 24 หรือ 33 กิโลโวลต์ (ขึ้นอยู่กับระบบการจ่ายไฟฟ้าในแต่ละพื้นที่) แล้วส่งผ่านสายอลูมิเนียมหุ้มฉนวนและเปลือกชนิด SAC (Spaced Aerial Cable) ซึ่งติดตั้งบนเสาไฟฟ้าคอนกรีต

💡เมื่อใกล้ถึงผู้ใช้งานก็จะแปลงแรงดันไฟฟ้าลงอีกครั้งเป็นไฟฟ้าแรงดันต่ำแล้วจ่ายผ่านสายอลูมิเนียมหุ้มฉนวนชนิด WPC (Weather Proof Cable) ส่งมาที่อาคารบ้านเรือนของเราค่ะ

สำหรับลูกค้าที่ใช้ไฟฟ้าปริมาณมาก เช่น โรงงานอุตสาหกรรม อาคารสำนักงาน หรือห้างสรรพสินค้า จะซื้อไฟฟ้าแรงดันสูง 115 หรือ 69 กิโลโวลต์ หรือแรงดันปานกลาง 22, 24 หรือ 33 กิโลโวลต์จากการไฟฟ้าโดยตรงโดยมีหม้อแปลงของตัวเองสำหรับแปลงเป็นไฟฟ้าแรงดันต่ำเพื่อใช้งานภายใน

ที่กล่าวมานั้นเป็นการส่งจ่ายไฟฟ้าผ่านระบบสายอากาศ คือส่งผ่านสายไฟฟ้าที่ติดตั้งแขวนลอยในอากาศบนเสาไฟฟ้าซึ่งเป็นวิธีหลักที่ใช้ส่งจ่ายไฟฟ้าในบ้านเราและสามารถพบเห็นได้ทั่วไป

#แต่นอกจากนี้แล้วยังมีการส่งจ่ายไฟฟ้าผ่านระบบสายใต้ดิน ซึ่งปัจจุบันมีใช้ในบางพื้นที่ของกรุงเทพมหานครและเมืองใหญ่หรือเมืองท่องเที่ยวที่ต้องการปรับปรุงภูมิทัศน์ให้สวยงามปราศจากเสาและสายไฟฟ้าที่รกรุงรัง

ซึ่งสายไฟฟ้าใต้ดินจะเป็นสายตัวนำทองแดงหุ้มฉนวน XLPE (Cross-linked Polyethylene) มีชิลด์โลหะสำหรับสายแรงดันปานกลางและแรงดันสูง มีชั้นของวัสดุกันน้ำกันความชื้น และมีเปลือกชั้นนอกที่ทำจาก PE (Polyethylene) หรือ PVC (Polyvinyl Chloride) ซึ่งทำให้สายไฟฟ้าใต้ดินมีความปลอดภัยสูง มีความแข็งแรง กันน้ำและความชื้นได้ดี สามารถติดตั้งในท่อร้อยสายที่ฝังใต้ดินหรือฝังดินได้โดยตรง โดยสายไฟฟ้าใต้ดินนี้สามารถผลิตให้ครอบคลุมการใช้งานได้ทั้งระดับแรงดันสูง แรงดันปานกลาง และแรงดันต่ำ Phelps Dodge สามารถผลิตสายใต้ดินได้ถึงระดับแรงดัน 245 กิโลโวลต์ และ Phelps Dodge ยังมีห้องทดสอบแรงดันฟ้าผ่า (Lightning Impulse Voltage Test) ที่สามารถสร้างแรงดันทดสอบได้สูงถึง 1050 กิโลโวลต์

#ทุกการเดินทางของพลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย #สายไฟฟฟ้าPhelpsDodge
มีส่วนร่วมในหน้าที่ที่สำคัญนี้มายาวนานกว่า 50 ปี

#สายไฟฟ้า Phelps Dodge เป็นอุปกรณ์สำคัญในการส่งจ่ายพลังงานไฟฟ้า จากระบบสายส่งไฟฟ้าแรงดันสูงครอบคลุมไปจนถึงสายไฟฟ้าในระบบจำหน่ายแรงดันปานกลางและแรงดันต่ำที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรม พาณิชย์และครัวเรือน

ในทุกๆ จุดของการเดินทางของพลังงานไฟฟ้าที่แสนไกลนั้น สายไฟฟ้ามีส่วนสำคัญอย่างมากในการทำหน้าที่เป็นตัวส่งผ่านพลังงานไปสู่ผู้ใช้ไฟฟ้าในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เพราะฉะนั้น #มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเลือกใช้สายไฟฟ้าที่มีการออกแบบและผลิตได้มาตรฐาน มีประสิทธิภาพสูงสุดตรงตามวัตถุประสงค์การใช้งาน มีความแข็งแรง ทนทาน และมี ความปลอดภัยสูงสุด ดังนั้น Phelps Dodge จึงเลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพสูงในการผลิตสายไฟฟ้า อาทิเช่น ทองแดงบริสุทธิ์เกรด A ที่มีความบริสุทธิ์ไม่น้อยกว่า 99.99% เพื่อให้สายไฟฟ้านำกระแสไฟฟ้าได้ดีที่สุด ฉนวนและเปลือกสายไฟฟ้าผลิตจากเม็ดพลาสติกคุณภาพสูงจากผู้ผลิตชั้นนำ และเราใช้วัตถุดิบที่เป็นของใหม่ทั้งหมดโดยไม่มีส่วนผสมของวัสดุรีไซเคิลเพื่อให้แน่ใจว่าสายไฟ Phelps Dodge ทุกเส้นมีคุณภาพและความปลอดภัยสูงสุด

เพราะฉะนั้นการเลือกใช้สายไฟฟ้าจึงไม่ใช่…อะไรก็ได้ เนื่องจาก #สายไฟฟ้าเป็นสิ่งที่อยู่รอบตัวเราตลอดเวลาคุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัยจึงเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นอันดับแรกในการเลือกใช้สายไฟฟ้า เพื่อความมั่นใจในความปลอดภัยของชีวิตเราตลอดจนผู้คนที่อยู่รอบข้างและคนที่เรารักค่ะ

#แล้วสายไฟที่เดินอยู่ที่บ้านของคุณใช้สายไฟPhelpsDodge หรือเปล่าคะ ^^

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
www.pdcable.com
Tel.02-680-5800
Line@ : @phelpsdodge_th

#PhelpsDodge #สายไฟคุณภาพสูง
#มาตรฐานความปลอดภัย #ระดับโลก
#Safety #Lifeline #ทุกสายคือชีวิต

 

Mobile Engineering Solution คันเดียวในประเทศไทยสุดยอดเทคโนโลยีจาก Phelps Dodge

เรียกง่ายๆว่าเป็น #รถทดสอบสายไฟฟ้าแรงดันสูงเคลื่อนที่ โดยเป็น #เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยจากประเทศเยอรมัน 
ที่มีมูลค่าสูงถึง 100 ล้านบาท ประโยชน์ของรถ Mobile Testing นี้ จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานสายไฟฟ้าแรงดันสูง
ทดสอบด้วยแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับ 20 – 300 Hz ซึ่งเป็นวิธีทดสอบที่ตรงตามมาตรฐาน IEC กำหนด 100%
สามารถให้บริการทดสอบคุณภาพของสายไฟฟ้าที่หุ้มด้วยฉนวน XLPE ที่แรงดันทดสอบสูงสุด 260 kV ถึงหน้างานที่ติดตั้งสายไฟฟ้าทั่วประเทศไทย
ทดสอบด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ ไม่ทำลายฉนวน คงคุณภาพสายไฟ
สามารถทดสอบสายเคเบิ้ลความยาวสูงถึง 20 กิโลเมตรได้ในครั้งเดียว และสามารถระบุตำแหน่งที่เกิด Fault ได้อย่างแม่นยำ
สามารถทดสอบ Partial discharge เพื่อตรวจจับและระบุตำแหน่งของความบกพร่องขนาดเล็กในฉนวนของระบบสายไฟฟ้าแรงดันสูงก่อนที่จะลุกลามจนสร้างความเสียหาย
 สำหรับการทดสอบสายไฟฟ้าหลังการติดตั้ง (After installation/Commissioning test) และการทดสอบเพื่อการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (Preventive maintenance)ซึ่งเป็นการทดสอบสายไฟฟ้าแรงสูงตามมาตรฐาน IEC แบบเคลื่อนที่ #เจ้าแรกและเจ้าเดียวในประเทศไทย ที่ให้บริการค่ะ เพื่อความเชื่อมั่นในคุณภาพและความปลอดภัยอย่างสูงสุดของสายไฟฟ้า Phelps Dodge เราจึงได้นำเทคโนโลยีการทดสอบนี้เข้ามา เพื่อให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าของเราซึ่งสายไฟฟ้าแรงดันสูงนี้ จะใช้งานในภาคการส่งจ่ายพลังงานไฟฟ้าและภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ได้แก่ โรงไฟฟ้า สถานีไฟฟ้า ระบบส่งจ่ายไฟฟ้าด้วยสายใต้ดิน และโรงงานอุตสาหกรรมการผลิตต่างๆ ซึ่งสามารถมั่นใจได้ว่า Phelps Dodge ผลิตสายไฟฟ้าแรงดันสูงที่มีมาตรฐานสูงสุด และ เทคโนโลยีการทดสอบคุณภาพของสินค้าที่ดีที่สุดระดับโลกเลยทีเดียว

#Phelpsdodge #สายไฟคุณภาพสูง
#มาตรฐานความปลอดภัย #ระดับโลก
#Safety #Lifeline #ทุกสายคือชีวิต

 

 

 

 

Tel. 02 680 5800
www.pdcable.com
Line@: @phelpsdodge_th

 

สุดยอดห้องปฏิบัติการทดสอบสายไฟฟ้าแรงดันสูง ที่สุดแห่งเดียวในประเทศไทยที่ได้มาตรฐานระดับโลก

#ห้องปฏิบัติการทดสอบสายไฟฟ้าแรงดันสูง 1050 kV  ของ Phelps Dodge ซึ่งถือได้ว่าเป็น

#แห่งเดียวในประเทศไทยที่ได้มาตรฐานระดับโลก

นอกจากขั้นตอนการผลิตสายไฟฟ้าแรงดันสูงที่ได้มาตรฐาน ด้วยเทคโนโยลีการหุ้มฉนวนแนวดิ่ง (VCV) แล้วนั้น  Phelps Dodge ยังมีห้องปฏิบัติการทดสอบสายไฟฟ้าแรงดันสูง ที่สามารถทดสอบการทนต่อแรงดันฟ้าผ่าแบบฉับพลันหรือ Lighting impulse voltage test ของสายไฟฟ้าแรงดันสูง ซึ่งมีหน่วยงานและบริษัทชั้นนำเพียงไม่กี่แห่งในประเทศไทยที่มีห้องปฏิบัติการทดสอบนี้ ซึ่งห้องปฏิบัติการทดสอบนี้สามารถทดสอบแรงดันฟ้าผ่าได้สูงที่สุดถึง 1050 kV เลยทีเดียว

จึงมั่นใจได้ว่า สายไฟฟ้าแรงดันสูงของ Phelps dodge ผ่านการผลิตและทดสอบด้วยมาตรฐานคุณภาพสูงสุด มีความปลอดภัยเป็นอย่างมาก

Phelps Dodge สุดยอดผู้นำการผลิตสายไฟฟ้า
มาตรฐานโลก และ ความปลอดภัยระดับสูงสุด
ที่น่าภาคภูมิใจของประเทศไท

#Phelpsdodge #สายไฟคุณภาพสูง
#มาตรฐานความปลอดภัย #ระดับโลก
#Safety #Lifeline #ทุกสายคือชีวิต

 

Tel. 02 680 5800
www.pdcable.com
Line@: @phelpsdodge_th

 

Vertical Continuous Vulcanization (VCV) อาคารผลิตสายไฟฟ้าแรงดันสูงที่สูงที่สุดในเอเชียแปซิฟิค

อาคาร Vertical Continuous Vulcanization (VCV) ของ Phelps Dodge เป็น #อาคารผลิตสายไฟฟ้าแรงดันสูงที่มีความสูงที่สุดในเอเชียแปซิฟิค โดยมีความสูงถึง 100 เมตร เทียบความสูงได้พอๆ กับตึก 40 ชั้น เป็นสุดยอดเทคโนโลยีล้ำสมัย สำหรับใช้ในการ #หุ้มฉนวนแนวดิ่ง ของสายเคเบิ้ลไฟฟ้าแรงสูงโดยเฉพาะ

ซึ่งอาคาร VCV นี้ได้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้หุ้มฉนวน XLPE สำหรับสายไฟฟ้าแรงดันสูงที่มีแรงดันสูงถึง 245 kV

เนื่องจากสายไฟฟ้าแรงดันสูงมีขนาดใหญ่และน้ำหนักมาก การใช้เทคโนโลยี VCV หุ้มฉนวนในแนวดิ่งจะทำให้สายไฟฟ้ามีความกลม ตัวนำอยู่ตรงศูนย์กลาง ไม่เอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง และฉนวนของสายไฟมีความหนาสม่ำเสมอ ไม่ย้อยลงตามแรงโน้มถ่วงของโลก เพื่อให้ได้สายไฟฟ้าแรงดันสูงที่ได้คุณภาพ และมีความปลอดภัยสูงสุดในการใช้งาน

ถือได้ว่า Phelps Dodge International Thailand เป็นผู้ผลิตระดับโลก และยังเป็น #รายแรกและรายเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Southeast Asia : SEA) ที่มี #สุดยอดเทคโนโลยีการหุ้มฉนวนในแนวดิ่ง (VCV)
#สายไฟเฟ้ลปส์ดอด์จ จึงได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าทุกกลุ่มภาคธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศมาโดยตลอด

#Phelpsdodge #สายไฟคุณภาพสูง
#มาตรฐานความปลอดภัย #ระดับโลก
#Safety #Lifeline #ทุกสายคือชีวิต

Tel. 02 680 5800
www.facebook.com/PhelpsdodgeThailand
Line@: @phelpsdodge_th

 

Phelps Dodge International Thailand

#ผู้ผลิตสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ลรายใหญ่ของประเทศไทย

ที่ผลิตสินค้าคุณภาพสูงสู่ตลาดโลก พร้อมมีเครือข่ายธุรกิจเชื่อมโยงกับฐานผลิตและสำนักงานต่างๆในทวีปออสเตรเลีย อเมริกา เอเชีย และ แอฟริกา

ทุกขั้นตอนของกระบวนการผลิต ไปจนถึงกระบวนการทดสอบคุณภาพจะใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ที่ได้มาตรฐานระดับโลก และ มีความปลอดภัยสูงสุด เพื่อส่งสินค้าถึงลูกค้าทั้งภายในประเทศ และ ส่งออกไปยังต่างประเทศทั่วโลก เช่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ฮ่องกง และ สิงคโปร์ เป็นต้น ซึ่งแต่ละประเทศล้วนต้องการสินค้าที่ได้มาตรฐานระดับสูงเท่านั้น

 #ที่สุดของเทคโนโลยีการผลิตสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ล ที่ Phelps Dodge นำมาใช้ในการผลิตสินค้าและทดสอบคุณภาพสินค้า เพื่อความปลอดภัยสูงสุดในการใช้งานกันค่ะ ซึ่ง highlight เทคโนโลยีจาก Phelps Dodge ถือได้ว่าเป็นสุดยอดนวัตกรรมหนึ่งเดียวในประเทศไทยเลยก็ว่าได้ค่ะ ไม่ว่าจะเป็น…

สุดยอดเทคโนโลยีการหุ้มฉนวนในแนวดิ่ง (VCV) แห่งเดียวในประเทศไทยและมีความสูงที่สุดในเอเชียแปซิฟิค
ห้องปฏิบัติการทดสอบสายไฟฟ้าแรงดันสูงสุด 1050kV แห่งเดียวในประเทศไทย
รถทดสอบสายไฟฟ้าแรงดันสูงเคลื่อนที่เทคโนโลยีจากเยอรมัน เจ้าแรกและเจ้าเดียวในประเทศไทย

พร้อมมั่นใจด้วยการรับรองคุณภาพของผลิตภัณฑ์จากห้องทดสอบที่มีชื่อเสียงระดับโลก เช่น KEMA, DNV GL, BASEC, SGS, TÜV Rheinland และ TÜV SÜD

และการันตีด้วยการรับรองมาตรฐานระบบคุณภาพ ISO 9001, สิ่งแวดล้อม ISO 14001 และความปลอดภัย OHSAS 18001 จาก UL สหรัฐอเมริกา

📞Tel. 02 680 5800
🌏www.facebook.com/PhelpsdodgeThailand
Line@: @phelpsdodge_th

 ไขข้อสงสัย สายไฟชนิด NYY และ 60227 IEC 10 แตกต่างกันอย่างไร ?

ไขข้อสงสัย สายไฟชนิด NYY และ 60227 IEC 10 แตกต่างกันอย่างไร ?

สายไฟฟ้าชนิด NYY แบบหลายแกน และชนิด 60227 IEC 10  ต่างก็มีโครงสร้างสายที่เหมือนกัน คือเป็นสายตัวนำทองแดงหุ้มฉนวน PVC และมีเปลือก PVC หุ้มอีก 2 ชั้น คือเปลือกชั้นในและเปลือกชั้นนอก ซึ่งถ้ามองด้วยสายตาจากภายนอกก็แทบจะแยกความแตกต่างกันไม่ออกเลยทีเดียว

ถึงแม้สายไฟทั้ง 2 ชนิดนี้ จะมีโครงสร้างสายที่เหมือนกัน แต่ความจริงแล้ว เป็นสายคนละชนิดกัน และมีข้อกำหนดในการติดตั้งใช้งานแตกต่างกัน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำความเข้าใจ เพื่อจะได้ใช้งานและติดตั้งสายไฟฟ้าได้อย่างถูกต้องตรงตามมาตรฐานกำหนด 

ความแตกต่างของสายไฟฟ้าชนิด NYY แบบหลายแกน และสายชนิด 60227 IEC 10 ที่สำคัญคือ

  1.       อ้างอิงมาตรฐาน มอก. คนละฉบับกัน
  2.       พิกัดแรงดันไฟฟ้าที่กำหนดไม่เท่ากัน
  3.       มีขนาดตัวนำให้เลือกใช้งานไม่เท่ากัน
  4.       มีข้อกำหนดวิธีการติดตั้งสายแตกต่างกัน

 

เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการเลือกใช้งาน สายไฟชนิด NYY และ 60227 IEC 10  เฟ้ลปส์ ดอด์จได้สรุปข้อแตกต่างของสายไฟทั้ง 2 ชนิดไว้ในตาราง ดังนี้

ความแตกต่างของสายไฟฟ้าชนิด NYY และชนิด 60227 IEC 10

ไขข้อสงสัย สายไฟชนิด NYY และ 60227 IEC 10 แตกต่างกันอย่างไร ?

จากข้อมูลในตาราง สายไฟฟ้าชนิด 60227 IEC 10 หรือที่นิยมเรียกว่าสาย IEC 10 มีความแตกต่างจากสาย NYY อย่างชัดเจน เพราะแม้ว่าจะอ้างอิงมาตรฐาน มอก.11 เหมือนกัน แต่เป็นมาตรฐานคนละฉบับกัน คือสาย NYY อ้างอิงมาตรฐาน มอก.11 เล่ม 101 – 2559 ส่วนสาย 60227 IEC 10 อ้างอิงมาตรฐาน มอก.11 เล่ม 4 – 2553 โดยมีข้อกำหนดสำหรับสายไฟฟ้าทั้งสองชนิดแยกออกจากกันอย่างชัดเจน

มาตรฐาน มอก.11 ถูกร่างขึ้นโดยรับเอาสายไฟฟ้าตามมาตรฐาน IEC 60227 ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลมาใช้ โดยสายไฟฟ้าชนิด 60227 IEC 10 เป็นหนึ่งในสายที่รับมาจากมาตรฐาน IEC 60227 ดังนั้นจึงเป็นสายไฟฟ้าที่เป็นที่รู้จักและมีการใช้งานกันโดยทั่วไปในต่างประเทศด้วย

ส่วนสายชนิด NYY ไม่มีอยู่ในมาตรฐาน IEC 60227  (สังเกตจากชื่อสายไม่ได้เป็นรหัสชนิด 60227 IEC XX) แต่เป็นสายที่เพิ่มเข้าไปในมาตรฐาน มอก.11 เพื่อให้มีชนิดสายไฟฟ้าครอบคลุมลักษณะการใช้งานสำหรับประเทศไทย ดังนั้น สายไฟชนิด NYY ตามมาตรฐาน มอก.11-2559 จึงไม่ใช่สายชนิดที่เป็นสากลตามมาตรฐาน IEC 60227

จุดสังเกตในการแยกความแตกต่างของสายไฟฟ้าทั้งสองชนิดนี้คือ พิกัดแรงดันไฟฟ้าที่แตกต่างกัน โดยสาย NYY มีพิกัดแรงดันไฟฟ้า 450/750V ส่วนสาย 60227 IEC 10 มีพิกัดแรงดันไฟฟ้า 300/500V ซึ่งสามารถตรวจสอบได้จากข้อความที่พิมพ์ระบุอยู่บนสายไฟฟ้า บนฉลาก หรือบนล้อบรรจุสายไฟ

ตามมาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้าสำหรับประเทศไทย สายไฟฟ้าชนิด NYY และ 60227 IEC 10 สามารถใช้ในงานทั่วไป โดยใช้วิธีการติดตั้งสายไฟฟ้าได้หลายรูปแบบ แต่มีข้อแตกต่างที่สำคัญคือ สายไฟฟ้าชนิด 60227 IEC 10 ไม่สามารถใช้ติดตั้งร้อยท่อฝังดินหรือฝังดินโดยตรง และไม่ใช้ในการเดินลอยในอากาศเหมือนสาย NYY ดังแสดงในตาราง

วิธีการติดตั้งสายไฟฟ้าชนิด NYY และ 60227 IEC 10

ไขข้อสงสัย สายไฟชนิด NYY และ 60227 IEC 10 แตกต่างกันอย่างไร ?

นอกจากนี้ ในต่างประเทศ ยังมีการใช้งานสายไฟฟ้าที่ใช้ชื่อ NYY เหมือนกัน ซึ่งมักจะอ้างอิงมาตรฐาน VDE และมีพิกัดแรงดัน 0.6/1 kV ซึ่งสาย NYY มาตรฐาน VDE นี้ แม้จะมีชื่อสาย NYY เหมือนกัน แต่มีคุณสมบัติไม่เหมือนกันกับสาย NYY มาตรฐาน มอก.11 เล่ม 101-2559 ของประเทศไทย เนื่องจากอ้างอิงมาตรฐานคนละฉบับ จึงมีข้อกำหนดในรายละเอียดของวัสดุ โครงสร้าง และการทดสอบสายแตกต่างกัน ดังนั้นสาย NYY มาตรฐาน VDE ที่ไม่ได้รับการรับรองมาตรฐาน มอก.11 เล่ม 101-2559 นี้ จึงเป็นสายคนละชนิดกันและไม่ได้อยู่ในมาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้าสำหรับประเทศไทย

อย่าลืมติดตามว่าเฟ้ลปส์ ดอด์จ จะนำบทความดี ๆ อะไรมาฝากกันอีกนะคะ

อ่านบทความอื่น ๆ ได้ที่นี่


ติดตามข่าวสารและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม


More Catalog

Price List

Extra high – high voltage Power cables

Medium voltage power cables

Low Voltage Power and Control Cables

Fire Resistant and Low Smoke Halogen Free cables 

Telecommunication Cables

Building Wire and Bare Conductor

#ถอดบทเรียนถ้ำหลวงนางนอน เราได้เรียนรู้อะไรจากเหตุการณ์สำคัญครั้งนี้บ้าง..

อุปสรรคสำคัญของภารกิจครั้งนี้คือ สภาพอากาศจากธรรมชาติ ที่ฝนตกติดต่อกันจนทำให้เกิดน้ำท่วม บวกกับความมืดภายในถ้ำ ที่ทำให้การค้นหาและการนำน้องๆ ทั้ง 13 ชีวิต ออกมานั้นต้องมีการวางแผนอย่างรัดกุม เพื่อ #Safety ของชีวิตทุกคนภายในถ้ำได้อย่างปลอดภัย และการปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ ทีมงานผู้ปฏิบัติภารกิจมีความจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ต่างๆ ที่มีมาตรฐานสูงสุด เพื่อช่วยในการค้นหาและนำตัวน้องๆ ทั้ง 13 ชีวิตออกมาได้อย่างปลอดภัย ซึ่ง Phelps dodge เอง ได้ร่วมสนับสนุน #สายไฟชนิดNYY ที่มีมาตรฐานสูงสุด และ มีความปลอดภัยให้กับเจ้าหน้าที่ทีม กฟภ.เพื่อใช้เป็นอุปกรณ์สำคัญในการเชื่อมต่อกระแสไฟฟ้า ให้ความสว่างภายในถ้ำ และ ต่อไฟใช้กับเครื่องสูบน้ำออกจากถ้ำ แล้วสายไฟชนิด NYY ดียังไง? วันนี้ #phelpsdodge จะมาอธิบายให้เข้าใจกันง่ายๆ  เพื่อให้ทุกคนเห็นความสำคัญในการใส่ใจเลือกใช้สายไฟกันค่ะ

สายไฟชนิดพิเศษ NYY จาก Phelps dodge ที่สามารถทนความชื้นและกันน้ำได้ดี อุปกรณ์สำคัญที่ช่วยเชื่อมต่อกระแสไฟฟ้าเพื่อให้ความสว่างภายในถ้ำ และ ช่วยให้ทีมงานสามารถสูบน้ำออกจากถ้ำหลวงได้

ตามไปดูหน้าตา ลักษณะของสายไฟชนิดนี้กันเลยค่ะ

จุดเด่นของสายไฟชนิด NYY
คือ จะสามารถใช้งานได้ในภาวะที่ต้องมีความทนทานเป็นพิเศษ จากคุณสมบัติดังต่อไปนี้

กันน้ำ กันความชื้น
กันการกระแทก หรือ ขีดข่วน จากการลากในพื้นที่ที่เป็นโขดหินได้ด

**หมายเหตุ สายไฟฟ้าชนิด NYY ประเภทหลายแกน
ที่สามารถฝังดินได้ เริ่มต้นที่ขนาดพื้นที่หน้าตัดตัวนำ 50-300 ตร.มม. สำหรับสายที่ไม่มีสายดิน เริ่มต้นที่ขนาดพื้นที่หน้าตัดตัวนำ 25-300 ตร.มม. สำหรับสายที่มีสายดินในตัว**

ในกรณีที่เราต้องการใช้กระแสไฟฟ้า ในพื้นที่ที่ต้องสัมผัสกับธรรมชาติโดยตรง

สายไฟชนิดนี้จึงเหมาะสมเป็นอย่างยิ่งสายไฟชนิด NYY จึงเป็นหนึ่งในชนิดที่ทาง Phelps dodge เลือกนำส่งให้กับทางหน่วยงาน กฟภ.เพื่อนำไปช่วยเป็นอุปกรณ์ในการเชื่อมต่อกระแสไฟฟ้า และ สูบน้ำออกจากถ้ำ เพื่อช่วยการค้นหาน้องๆ ทั้ง 13 ชีวิต ให้ลุล่วง 

แล้วทำไมต้องใช้คุณสมบัติทองแดง 99.99%

เพราะทองแดงบริสุทธิ์ 99.99% คือ ทองแดงเกรดที่ดีที่สุดสำหรับผลิตตัวนำสายไฟ เนื่องจากมีค่าการนำไฟฟ้าสูงที่สุด มีความยืดหยุ่น ไม่เปราะ ไม่หักง่าย และทนความร้อนได้ดีกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับตัวนำที่ทำจากทองแดงรีไซเคิล และทองแดงเกรดอื่นๆ Phelps dodge เลือกใช้ทองแดงบริสุทธิ์ 99.99%
เป็นตัวนำไฟฟ้าในการผลิตสายไฟ เพื่อให้ได้สายไฟคุณภาพสูงนำกระแสไฟฟ้าได้ดีเยี่ยม ส่งผลให้ ค่าการนำไฟฟ้า ของสายไฟ Phelps Dodge สามารถวัดค่าได้ผลมากกว่า 100% อ้างอิงตามมาตรฐาน IACS

ดังนั้นสายไฟฟ้า จาก phelps dodge ที่ได้ผลิตและนำส่งให้ทาง กฟภ.จึงมั่นใจได้ว่า เป็นสายไฟที่มี คุณภาพมาตรฐานระดับโลก และ มีความปลอดภัยสูงสุดในการนำไปใช้งาน

เพื่อให้การปฏิบัติภารกิจการช่วยเหลือน้องๆ ทั้ง 13 ชีวิตในครั้งนี้ ลุล่วงไปได้ด้วยดี 

ปรบมือรัวๆให้กับพี่ๆ ทีมงาน กฟภ.ทุกท่าน ในการนำส่งและติดตั้งสายไฟชนิด NYY เพื่อเชื่อมต่อพลังงานไฟฟ้าไปสู่อุปกรณ์ต่างๆ เพื่อนำแสงสว่างนำทางภายในถ้ำ และ การสูบน้ำออกจากถ้ำ เพื่อให้การค้นหาและนำพาทุกชีวิตออกมาได้อย่างปลอดภัยค่ะ

#PhelpsDodge #ส่งใจไฟฟ้าปลอดภัยให้น้อง
#สายไฟคุณภาพสูง #มาตรฐานความปลอดภัย
#ระดับโลก #Safety #Lifeline #ทุกสายคือชีวิต

Tel. 02 680 5800
www.facebook.com/PhelpsdodgeThailand

Line@: @phelpsdodge_th

 

Skinned Insulation คืออะไร?

โดยปกติแล้ว ฉนวนของสายไฟฟ้าหลายแกนจะใช้สีของฉนวนที่แตกต่างกันในการชี้บ่งสายแต่ละแกน แต่การผสมสีลงในเนื้อฉนวน PVC จะส่งผลให้ค่าความต้านทานของฉนวนลดลง ถึงแม้ค่าความต้านทานของฉนวนที่ลดลงจะยังคงผ่านตามมาตรฐานกำหนด แต่ความค่าต้านทานฉนวนสามารถลดลงได้มากอย่างมีนัยสำคัญ ด้วยเทคโนโลยีการหุ้มฉนวนแบบ Skinned Insulation สีแสดงแกนของสายไฟฟ้าจะเคลือบอยู่บนผิวชั้นนอกเท่านั้น ส่วนเนื้อฉนวนภายในจะเป็น PVC ที่ไม่ได้ผสมสีจึงยังคงความบริสุทธิ์ของฉนวนที่มีค่าความต้านทานระดับสูงไว้ได้ ซึ่ง เฟ้ลปส์ ดอด์จเป็นผู้ผลิตสายไฟฟ้ารายแรกในประเทศไทยที่นำเทคโนโลยี Skinned Insulation มาใช้ผลิตสายไฟฟ้าแรงดันต่ำ

เทคโนโลยีการหุ้มฉนวน Skinned Insulation
การหุ้มฉนวน Skinned Insulation

สาย LSHF คืออะไร?

สาย LSHF (Low Smoke Halogen Free) เป็นสายไฟฟ้าที่มีคุณสมบัติพิเศษสำหรับใช้ติดตั้งในพื้นที่ที่ต้องการความปลอดภัยสูงกว่าปกติ เช่น อาคารเพื่อการสาธารณะใต้ผิวดิน โรงมหรสพ สถานบริการ อาคารผู้โดยสารสนามบิน สถานีรถไฟฟ้า ฯลฯ สาย LSHF ผลิตโดยใช้วัตถุดิบพิเศษเพื่อให้มีคุณสมบัติที่ช่วยเสริมความปลอดภัยในสถาณการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งได้แก่ คุณสมบัติต้านทานการลุกลามไฟ ควันน้อย และไม่ปล่อยก๊าซพิษที่มีฤทธิ์เป็นกรดเมื่อสายถูกเพลิงไหม้ ซึ่งคุณสมบัติพิเศษของสาย LSHF จะเหมือนกับสายทนไฟ ยกเว้นสาย LSHF ไม่มีคุณสมบัติจ่ายกระแสไฟฟ้าได้ต่อเนื่องขณะที่ถูกเพลิงไหม้ (Fire Resistance) ซึ่งสามารถสรุปคุณสมบัติพิเศษของสาย LSHF ได้ดังนี้

  1. Flame Retardant

คือคุณสมบัติต้านทานการลุกลามไฟของสายไฟฟ้า เมื่อสายถูกเพลิงไหม้ เปลวไฟจะไม่ลุกลามไปตามสายไฟฟ้าอย่างรวดเร็ว จึงช่วยจำกัดพื้นที่เพลิงไหม้ไม่ให้ขยายไปยังพื้นที่ส่วนอื่นๆได้

อ้างอิงมาตรฐานการทดสอบ IEC 60332-3 ซึ่งมีระดับของการทดสอบความต้านทานการลุกลามไฟแบ่งออกเป็นหลาย Category ซึ่งระดับที่เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปคือ Category C ส่วนระดับที่มีความต้านทานการลุกลามไฟสูงสุดคือ Category A

  1. Low Smoke

คือคุณสมบัติที่สายไฟฟ้าจะปล่อยควันออกมาในปริมาณน้อยเมื่อสายถูกเพลิงไหม้ สายที่ปล่อยควันน้อยจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในขณะเกิดเพลิงไหม้ ช่วยให้การอพยพหนีไฟและการเข้าช่วยเหลือของทีมดับเพลิง หรือกู้ภัยสามารถทำได้สะดวก

อ้างอิงมาตรฐานการทดสอบ IEC 61034

  1. Halogen Free

คือสายไฟฟ้าปราศจากสารประกอบของธาตุหมู่ฮาโลเจน ซึ่งได้แก่ ฟลูออรีน คลอรีน โบรมีน ไอโอดีน ซึ่งสารประกอบของธาตุเหล่านี้จะทำปฏิกิริยาเคมีและก่อให้เกิดก๊าซที่มีฤทธิ์เป็นกรดกัดกร่อนเมื่อถูกเพลิงไหม้ ยกตัวอย่างเช่นสายไฟฟ้าที่มีฉนวนหรือเปลือกเป็นพีวีซี จะมีสารประกอบของธาตุคลอรีน ซึ่งเมื่อถูกเพลิงไหม้จะปล่อยก๊าซไฮโดรเจนคลอไรด์ (HCl) หรือกรดเกลือออกมา

อ้างอิงมาตรฐานการทดสอบ IEC 60754-1 และ IEC 60754-2

เลือกซื้อสายไฟ ต้องดูอะไรบ้าง?

การเลือกซื้อสายไฟฟ้าควรพิจารณาเรื่องของความปลอดภัยเป็นอันดับแรก ทั้งนี้เพราะอุบัติเหตุที่เกิดจาการชำรุดของสายไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้าสามารถพบเห็นได้บ่อยครั้ง ซึ่งเป็นอันตรายร้ายแรงทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้ใช้เองและบ่อยครั้งที่ส่งผลกระทบต่อผู้อื่นหรือชุมชนรอบข้างอีกด้วย ดังนั้นจึงต้องเลือกใช้สายไฟที่มีคุณภาพและความปลอดภัย โดยมีหลักการพิจารณาในการเลือกซื้อสายไฟฟ้าดังนี้

  • ผลิตจากผู้ผลิตที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการจัดการด้านคุณภาพ (ISO 9001) ด้านสิ่งแวดล้อม (ISO 14001) และด้านความปลอดภัย (OHSAS 18001) ซึ่งเป็นเครื่องรับรองว่าบริษัทผู้ผลิตสายไฟฟ้ามีระบบการควบคุมคุณภาพตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ ผลิต ทดสอบคุณภาพ จนกระทั่งส่งมอบสินค้าถึงลูกค้า เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และให้ความสำคัญกับความปลอดภัย
  • มีความปลอดภัยได้มาตรฐาน ผ่านการรับรองคุณภาพมาตรฐานทั้งระดับประเทศและระดับสากล เช่น มาตรฐาน มอก., IEC, BS EN, ICEA, AS/NZS ฯลฯ ตลอดจนได้รับการรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์จากสถาบันและหน่วยงานด้านการรับรองคุณภาพชั้นนำ อาทิเช่น KEMA, TÜV SÜD, BASEC, Intertek, SGS
  • ตัวนำไฟฟ้าผลิตจากทองแดงที่มีความบริสุทธิ์สูง เช่น ความบริสุทธิ์ไม่น้อยกว่า 99% และปลอดจากการเจือปนหรือผสมโลหะอื่นเพื่อให้ได้ตัวนำไฟฟ้าที่มีความต้านทานทางไฟฟ้าต่ำ สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้เต็มพิกัดโดยไม่เกิดความร้อนสูง เนื่องจากโลหะอื่นที่ปนเปื้อนในเนื้อทองแดงจะทำให้ค่าความต้านทานของตัวนำสูงขึ้น ส่งผลให้เกิดความร้อนสูงกว่าตัวนำที่เป็นทองแดงบริสุทธิ์ อีกทั้งตัวนำที่มีการปนเปื้อนโลหะอื่นมีโอกาสที่จะเปราะหักได้ง่ายกว่า
  • ฉนวนและเปลือกผลิตจากวัตถุดิบคุณภาพสูง มีความเหนียว แข็งแรง และยืดหยุ่นได้ดี ฉนวนและเปลือกที่นิ่มมากเกินไปจนสามารถใช้มือฉีกขาดได้โดยง่ายมักผลิตจากวัตถุดิบคุณภาพต่ำ แม้จะสะดวกในการปอกสายหรือติดตั้งสาย แต่มักจะ ไม่แข็งแรงทนทาน ไม่ทนต่อความร้อน และเสื่อมสภาพจนกรอบแตกภายในระยะเวลาไม่นาน ส่งผลให้อายุการใช้งานสายสั้นลง หรืออาจชำรุดจนเกิดอันตรายร้ายแรง เช่น ไฟรั่ว หรือเกิดการลัดวงจรขึ้นได้
การเลือกซื้อสายไฟพีวีซี

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญในการเลือกซื้อสายไฟฟ้าคือบริษัทผู้ผลิตมีเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง มีประสบการณ์ยาวนาน มีทีมงานด้านเทคนิคที่เชี่ยวชาญ สามารถให้คำปรึกษาด้านการเลือกใช้ และการติดตั้งใช้งานสายไฟฟ้า ตลอดจนให้คำแนะนำในการแก้ไขปัญหาต่างๆได้เป็นอย่างดี

ทำไมต้องเลือกใช้สายไฟที่มีคุณภาพ?

ปัจจุบันไฟฟ้าเป็นสิ่งที่จำเป็นและอยู่รอบตัวเรา เราใช้ไฟฟ้าตลอด 24 ชั่วโมงทุกๆวัน ไฟฟ้าจึงเป็นสิ่งที่ให้ประโยชน์แก่มนุษยชาติอย่างมหาศาล อย่างไรก็ตามแม้ว่าไฟฟ้าจะให้ประโยชน์มากมายเพียงใด หากใช้อย่างไม่ระมัดระวัง ใช้ด้วยความประมาท ก็อาจทำให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อชีวิตและทรัพย์สินได้เช่นกัน การใช้ไฟฟ้าจึงต้องให้ความสำคัญกับเรื่องของความปลอดภัยเป็นอันดับแรก

สายไฟฟ้าทำหน้าที่เป็นทั้งตัวนำพลังงานไฟฟ้ามาให้เราใช้งานและขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่ปกป้องเราจากอันตรายของไฟฟ้าด้วย สายไฟฟ้าที่ไม่ได้คุณภาพมักจะผลิตจากวัตถุดิบคุณภาพต่ำ หรือคุณลักษณะไม่ผ่านตามมาตรฐาน เช่น ขนาดตัวนำทองแดงหรือความหนาฉนวนต่ำกว่ามาตรฐาน ซึ่งส่งผลให้สายไฟฟ้าไม่สามารถทนแรงดันไฟฟ้าหรือจ่ายกระแสไฟฟ้าได้ตามที่มาตรฐานกำหนด เมื่อนำมาใช้งานก็อาจเกิดความร้อนสูงหรือเกิดลัดวงจร เป็นอันตรายร้ายแรงขึ้นได้ ดังนั้นการเลือกใช้สายไฟฟ้าจึงไม่ควรพิจารณาเพียงราคาถูกที่สุดหรือใช้สายอะไรก็ได้ แต่จำเป็นต้องเลือกใช้สายไฟที่มีความน่าเชื่อถือ และมีคุณภาพมาตรฐานระดับสากล เพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของคุณจากอันตรายที่อาจเกิดจากการใช้ไฟฟ้าในแต่ละวัน

สายไฟคุณภาพ สายไฟที่มีคุณภาพ

ทำไมจึงควรเลือกใช้ตัวนำทองแดงความบริสุทธิ์ 99.99%

เพราะทองแดงบริสุทธิ์ 99.99% คือ ทองแดงเกรดที่มีความบริสุทธิ์ของทองแดงสูงที่สุดสำหรับผลิตตัวนำไฟฟ้า (Electric-conductor grade) สำหรับใช้ในงานวิศวกรรมไฟฟ้าโดยทั่วไป ซึ่งได้จากการหลอมแผ่นทองแดง (Copper cathode) ที่มีความบริสุทธิ์ไม่น้อยกว่า 99.99% โดยไม่มีส่วนผสมอื่นเจือปน เพื่อให้ได้เส้นตัวนำทองแดงที่มีค่าการนำไฟฟ้าสูงที่สุด สามารถรีดเป็นเส้นลวดตัวนำขนาดเล็กมาก และดัดงอได้โดย ไม่เปราะหัก และขาดง่าย เมื่อเปรียบเทียบกับตัวนำที่ทำจากทองแดงรีไซเคิล และทองแดงเกรดอื่นๆ สายไฟฟ้าที่ตัวนำทองแดงที่มีค่าการนำไฟฟ้าต่ำ เมื่อจ่ายกระแสไฟฟ้าเต็มพิกัด จะทำให้เกิดความร้อนสูง ทำให้ฉนวนและส่วนประกอบอื่นเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็ว และสายไฟจะมีอายุการใช้งานสั้นลง อีกทั้งความร้อนที่เกิดขึ้นอาจสูงจนทำให้เกิดความเสียหายแก่อุปกรณ์ หรือเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงขึ้นได้

สายไฟฟ้ามีส่วนประกอบอะไรบ้าง

สายไฟฟ้ามีส่วนประกอบอะไรบ้าง เช่น สายไฟบางชนิดมีเพียงตัวนำไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว สายบางชนิดมีฉนวนหุ้มบนตัวนำไฟฟ้า สายบางชนิดมีเปลือกหุ้มชั้นนอกอีกชั้นหนึ่ง หรือมีชั้นของการป้องกันต่างๆเสริมเป็นส่วนประกอบอยู่ภายใน ซึ่งการที่สายไฟแต่ละชนิดมีโครงสร้างและส่วนประกอบที่แตกต่างกันออกไป เนื่องจากสายไฟฟ้าแต่ละชนิดได้รับการออกแบบเพื่อให้มีโครงสร้างและคุณสมบัติเหมาะสมต่อลักษณะการติดตั้งใช้งานที่แตกต่างกันออกไป ส่วนประกอบที่สำคัญของสายไฟฟ้ามีดังนี้

สายไฟฟ้ามีส่วนประกอบอะไรบ้าง
  1. ตัวนำไฟฟ้า ทำหน้าที่ส่งผ่านกระแสไฟฟ้าหรือสัญญาณไฟฟ้า ตัวนำทำจากโลหะที่มีค่าความต้านทานไฟฟ้าต่ำ (มีค่าความนำไฟฟ้าสูง) ซึ่งโลหะที่นิยมใช้ทำเป็นตัวนำไฟฟ้าได้แก่ ทองแดง และอลูมิเนียม
    • ทองแดง เป็นโลหะที่มีค่าการนำไฟฟ้าสูงมาก (สูงเป็นอันดับสองรองจากโลหะเงิน) มีความแข็งแรง สามารถนำมารีดเป็นเส้นลวดขนาดเล็ก และดัดโค้งงอได้โดยไม่เปราะหักง่าย นำพาความร้อนได้ดี แต่มีน้ำหนักค่อนข้างมาก และราคาสูงกว่าอลูมิเนียม ดังนั้นจึงนิยมใช้ทองแดงเป็นตัวนำไฟฟ้าสำรหับสายไฟฟ้าที่ใช้ติดตั้งในอาคารและติดตั้งใต้ดิน (Underground cable)
    • อลูมิเนียม มีค่าการนำไฟฟ้าต่ำกว่าทองแดง (ประมาณ 62% ของทองแดง) แต่เปราะหักได้ง่ายกว่าจึงไม่สามารถรีดเป็นเส้นลวดขนาดเล็กมากได้ อลูมิเนียมมีข้อได้เปรียบทองแดงคือมีน้ำหนักเบากว่ามาก (อลูมิเนียมมีน้ำหนักประมาณ 1 ใน 3 ของทองแดงที่ปริมาตรเท่ากัน) และราคาถูกกว่า ดังนั้นอลูมิเนียมจึงเหมาะสำหรับทำเป็นตัวนำของสายไฟฟ้าที่ติดตั้งแบบแขวนลอยในอากาศ เช่นสายส่งไฟฟ้าแรงสูงเหนือพื้นดินที่ต้องเดินเป็นระยะทางไกล ทำให้การลงทุนในสายส่งและโครงสร้างเสาและอุปกรณ์รับน้ำหนักน้อยลงจากน้ำหนักที่เบากว่าของสายตัวนำอลูมิเนียม และเนื่องจากอลูมิเนียมเปราะหักได้ง่ายกว่าทองแดง ดังนั้นจึงไม่นิยมใช้ทำเป็นตัวนำสายตีเกลียวหรือสายอ่อนขนาดเล็กและตัวนำที่ติดตั้งในอาคารซึ่งต้องการการดัดโค้งของสายในการติดตั้งมากกว่า
  2. ฉนวนทำหน้าที่ป้องกันกระแสไฟฟ้าให้ไหลอยู่เฉพาะในตัวนำไฟฟ้าและไม่รั่วไหลไปยังส่วนอื่น ซึ่งจะก่อให้เกิดอันตราย เช่นไฟรั่ว หรือไฟฟ้าลัดวงจร ฉนวนส่วนใหญ่ทำจากพลาสติกโพลีเมอร์หรือยางที่มีค่าความต้านทานทางไฟฟ้าสูงนำมาหุ้มลงบนตัวนำด้วยความหนาที่เหมาะสมเพื่อให้สามารถรองรับแรงดันไฟฟ้าได้ตามพิกัดแรงดันไฟฟ้าของสาย วัสดุที่ใช้ทำฉนวนมีด้วยกันหลายชนิด แต่ละชนิดมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งวัสดุที่นิยมใช้มากที่สุดคือ โพลิไวนิลคลอไรด์ (Polyvinyl Chloride: PVC) และ ครอสลิงค์ โพลีเอททีลีน (Cross-Linked Polyethylene: XLPE)
    • ฉนวน PVC มีความนิ่มและอ่อนตัว สามารถดัดโค้งงอได้ง่าย นิยมใช้เป็นฉนวนสายแรงดันต่ำ โดยเฉพาะสายที่ใช้ติดตั้งในอาคารเนื่องจาก PVC มีคุณสมบัติต้านทานการลุกไหม้ไฟในตัวเอง ฉนวน PVC ใช้กับสายไฟฟ้าที่มีพิกัดอุณหภูมิตัวนำสูงสุด 70 oC
    • ฉนวน XLPE ผลิตโดยการทำให้ โพลีเอททีลีน (PE) เกิดปฏิกิริยาเคมีเปลี่ยนเป็นครอสลิงค์ โพลีเอททีลีน (XLPE) ซึ่งมีความแข็งแรงและทนความร้อนได้มากขึ้น ฉนวน XLPE ใช้กับสายไฟฟ้าที่มีพิกัดอุณหภูมิตัวนำสูงสุด 90 oC นิยมใช้เป็นฉนวนสายไฟฟ้ากำลัง โดยเฉพาะสายไฟฟ้าแรงดันสูง ฉนวน XLPE มีคุณสมบัติที่เหนือกว่า PVC ได้แก่ ทนอุณหภูมิได้สูงกว่า มีความแข็งแรงมากกว่า ความต้านทานไฟฟ้าสูงกว่า ป้องกันการซึมผ่านของน้ำได้ดีกว่า แต่มีข้อเสียคือเมื่อติดไฟแล้วจะลุกลามไฟได้อย่างรวดเร็ว จึงไม่นิยมใช้สายไฟฟ้าฉนวน XLPE ติดตั้งในอาคาร ยกเว้นแต่เป็นสายที่ออกแบบให้ผ่านการทดสอบการลุกลามไฟเป็นพิเศษสายไฟฟ้า ความต้านทานไฟฟ้า

นอกจากนี้ยังมีฉนวนชนิดอื่นๆอีกหลายชนิด เช่น ฉนวนยาง EPR ที่มีความนิ่มยืดหยุ่นสูงและกันน้ำได้ดี เหมาะกับงานติดตั้งที่ต้องการความอ่อนตัวของสายไฟมาก และฉนวน LSHF-XLPE ที่พัฒนาขึ้นเพื่อให้ฉนวน XLPE มีคุณสมบัติต้านทานการลุกลามไฟ มีควันน้อยและไม่ปล่อยก๊าซที่มีฤทธิ์เป็นกรดเมื่อถูกไฟไหม้ สำหรับสายไฟฟ้าใช้ติดตั้งภายในอาคาร เป็นต้น

  1. เปลือกนอก (Oversheath) เป็นส่วนของพลาสติกโพลิเมอร์ที่อยู่ชั้นนอกสุดของสายไฟฟ้า ทำหน้าที่ปกป้องสายไฟฟ้าจากสภาพแวดล้อมต่างๆ เช่น การขูดขีดระหว่างติดตั้ง แรงกระแทกกดทับ แสงแดด น้ำและความชื้น และการกัดกร่อนจากสภาพแวดล้อมต่างๆ
    • PVC มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับฉนวน PVC เหมาะกับสายไฟฟ้าที่ใช้ติดตั้งภายในอาคาร
    • PE มีความแข็งแรงสูง ทนต่อการขูดขีดและแรงกระแทกกดทับได้ดี และป้องกันการซึมผ่านของน้ำได้ดี แต่มีข้อเสียเรื่องการลุกลามไฟเช่นเดียวกับฉนวน XLPE ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับใช้เป็นเปลือกของสายไฟฟ้าที่ใช้ติดตั้งใต้ดิน
    • LSHF (Low Smoke Halogen Free) พัฒนาขึ้นสำหรับสายไฟฟ้าที่ใช้ติดตั้งในพื้นที่ที่ต้องการความปลอดภัยมากเป็นพิเศษ เนื่องจากเปลือก LSHF มีคุณสมบัติต้านทานการลุกลามไฟ ควันน้อยและไม่ปล่อยก๊าซที่มีฤทธิ์เป็นกรดเมื่อถูกไฟไหม้ มีข้อเสียคือ ความแข็งแรงไม่สูงมากเท่า PVC และ PE และไม่เหมาะกับการติดตั้งแบบฝังดิน เนื่องจากมีการดูดซึมความชื้นสูง
  2. ส่วนประกอบอื่นๆของสายไฟฟ้า เป็นส่วนที่ช่วยเสริมความปลอดภัยและทำให้สายไฟฟ้ามีโครงสร้างเหมาะสมกับการติดตั้งในลักษณะต่างๆ อาทิเช่น
    • อาร์เมอร์ (Armour) เป็นชั้นของเส้นลวดหรือเทปโลหะ เช่นเหล็กกัลวาไนซ์ หรืออลูมิเนียม ทำหน้าที่ป้องกันแรงกระแทกและกดทับ ทำให้สายไฟฟ้ามีความแข็งแรงมากขึ้น จึงเหมาะสมต่อการติดตั้งใต้ดินหรือติดตั้งในพื้นที่เสี่ยงต่อการที่สายจะถูกกระแทกโดยไม่มีการป้องกันสาย
    • ชิลด์โลหะ (Metallic Shield) เป็นชั้นของเทปหรือลวดโลหะที่ห่อหุ้มสายเพื่อลดทอนสัญญาณรบกวนทั้งจากภายในและภายนอกสาย หรือป้องกันสนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่แผ่ออกมาจากสายไฟฟ้ากำลังโดยเฉพาะสายแรงดันปานกลางและแรงดันสูงซึ่งจะทำให้เกิดแรงดันไฟฟ้าเหนี่ยวนำที่อาจเป็นอันตรายขึ้นได้ ชิลด์มักทำจากเทปและ/หรือลวดโลหะ เช่น เทปทองแดง เทปอลูมิเนียม ลวดทองแดง หรือลวดทองแดงชุบดีบุก เป็นต้น
    • เปลือกตะกั่ว (Lead Sheath) เป็นชั้นของตะกั่วที่หุ้มเป็นปลอกอยู่ภายในสายไฟฟ้า ทำหน้าที่ป้องกันความชื้นได้อย่างสมบูรณ์ ป้องกันการกัดกร่อนของสารเคมีและน้ำมันได้ดี เสริมความแข็งแรงให้กับสายไฟฟ้า จึงเป็นโครงสร้างที่นิยมอย่างมากสำหรับสายไฟฟ้าที่ใช้ในโรงกลั่นน้ำมัน และอุตสาหกรรมปิโตรเคมี

We use cookies to improve performance. and good experience in using your website You can study the details at Privacy Policy and you can manage your own privacy by clicking Setting

Privacy Preferences

You can set your cookies preferences on our website except the necessity cookies.

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Necessity Cookies
    Always Active

    These cookies are necessary for website to operate. To ensure that you can use and visit the website normally, you cannot turn off these cookies on our website.

  • Functionality Cookies

    Allow Functionality Cookies to remember your setting on the platform e.g. username, language, fonts, and platform.

  • Performance Cookies

    Allow Performance Cookies to analyse the performance of each part of our website for improvement purpose.

  • Advertising Cookies

    Allow the website to use Advertising Cookies for increasing the product or service presentation be more accurate

Save your setting