สายไฟฟ้าที่ถูกน้ำท่วมสามารถใช้งานต่อได้หรือไม่?
หลังเหตุการณ์น้ำท่วมผ่านพ้นไป เมื่อเริ่มกลับเข้าฟื้นฟูซ่อมแซมบ้านเรือนที่ถูกน้ำท่วม มักจะเกิดคำถามขึ้นว่าสายไฟฟ้าที่ถูกน้ำท่วมยังสามารถใช้งานต่อได้หรือไม่ หรือจำเป็นต้องเปลี่ยนสายไฟและเดินระบบไฟฟ้าใหม่หรือไม่ ในการพิจารณาเพื่อตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไรกับสายไฟฟ้าที่ถูกน้ำท่วม เราควรทราบถึงผลกระทบและความเสียหายที่เกิดขึ้นกับระบบไฟฟ้าที่ถูกน้ำท่วมเสียก่อน ดังนี้

- ตัวนำสายไฟฟ้ารวมทั้งจุดเชื่อมต่อและสวิตช์ที่ถูกน้ำท่วม มักจะเกิดคราบออกไซด์หรือสนิมโลหะที่ผิวหน้าสัมผัสทางไฟฟ้า ซึ่งจะทำให้ค่าความต้านทานไฟฟ้าสูงขึ้นและกระแสไฟฟ้าไหลไม่สะดวก จนอาจทำให้เกิดความร้อนสูง หรือเกิดการอาร์คจนไหม้ได้

- สิ่งที่มากับน้ำท่วมคือตะกอนของดินโคลน เม็ดทราย และสารแขวนลอยนานาชนิดที่ถูกน้ำพัดพามาด้วย และเมื่อน้ำลด ตะกอนของสิ่งสกปรกต่างๆเหล่านี้จะตกค้างอยู่ในสายไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ถูกน้ำท่วม โดยจะยิ่งสะสมหนามากขึ้นเรื่อยๆหากน้ำท่วมขังเป็นเวลานาน และยากที่จะทำความสะอาดได้อย่างหมดจดและทั่วถึง ถึงแม้ว่าจะทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าและทางเดินสายไฟฟ้าแห้งแล้ว แต่คราบตะกอนสกปรกที่ยังติดค้างอยู่ภายในอาจเป็นสาเหตุให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรขึ้นได้
- น้ำที่มีการปนเปื้อนของน้ำมัน และสารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อน สามารถทำให้ฉนวนหรือส่วนประกอบอื่นๆของสายไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้าเสื่อมสภาพได้ โดยเฉพาะหากแช่ในน้ำที่มีการปนเปื้อนสารเคมีความเข้มข้นสูงเป็นเวลานาน ซึ่งตัวนำไฟฟ้าที่ถูกกัดกร่อนจะทำให้เกิดความร้อนสูงและฉนวนที่เสื่อมสภาพจะทำให้เกิดการลัดวงจรขึ้นได้

- น้ำหรือความชื้นที่หลงเหลือตกค้างอยู่ในสายไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้าอาจไม่สามารถทำให้ระเหยแห้งไปได้ทั้งหมด สายไฟฟ้าบางชนิดมีส่วนประกอบภายในที่มีลักษณะเป็นเส้นใยหรือวัสดุดูดซับน้ำ เช่น Filler หรือเทปที่ทำจากเส้นใยลักษณะคล้ายผ้า เป็นต้น หากมีน้ำเข้าไปภายในสาย วัสดุดังกล่าวจะดูดซับหรือกักน้ำไว้ให้ค้างอยู่ภายใน ซึ่งน้ำที่ค้างอยู่นี้จะทำให้เกิดการกัดกร่อนและเสื่อมสภาพของสายไฟฟ้าในระยะยาว
สำหรับการพิจารณาดำเนินการกับสายไฟฟ้าที่ถูกน้ำท่วมมีคำแนะนำดังนี้
1. สายไฟฟ้าที่มีน้ำเข้าไปภายในสาย ปลายสายจุ่มแช่ในน้ำ หรือมีจุดต่อสายที่น้ำซึมผ่านเข้าไปภายในสาย ควรดำเนินการเปลี่ยนสายใหม่
2. สายไฟฟ้าที่หุ้มฉนวน PVC ชั้นเดียวโดยไม่มีเปลือกหุ้มชั้นนอก หากแช่น้ำเป็นเวลานาน น้ำจะสามารถซึมผ่านชั้นฉนวนเข้าไปถึงตัวนำได้ เนื่องจากไม่มีเปลือกชั้นนอกป้องกันอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งน้ำหรือความชื้นในฉนวนจะทำให้ความต้านทานไฟฟ้าของฉนวนลดลง ดังนั้นสายไฟฟ้าที่หุ้มฉนวน PVC ชั้นเดียว เช่นสาย 60227 IEC 01 (THW) ที่ถูกน้ำท่วมเป็นเวลานาน แม้จะไม่มีน้ำเข้าทางปลายสาย แต่ก็ควรเปลี่ยนสายใหม่เช่นกัน

3. สายไฟฟ้าที่หุ้มฉนวนและมีเปลือกหุ้มชั้นนอกอีกชั้นหนึ่ง เช่น สาย VAF, NYY, VCT, CV หากสายแช่ในน้ำแต่ไม่มีน้ำเข้าทางปลายสาย อาจพิจารณาให้สามารถใช้งานต่อได้หลังจากที่สายแห้งแล้ว ทั้งนี้ ควรได้รับการตรวจสอบและยืนยันโดยช่างผู้เชี่ยวชาญก่อนจ่ายไฟกลับ
4. หากสายไฟฟ้ามีน้ำเข้าไปภายใน ไม่ควรใช้วิธีรอให้น้ำระเหยออกไปจากสายไฟฟ้าเอง หรือใช้อุปกรณ์ให้ความร้อนเป่าหรืออบสายไฟฟ้าจากภายนอกโดยหวังให้น้ำที่อยู่ภายในสายระเหยออกไป เพราะวิธีดังกล่าวไม่สามารถทำให้มั่นใจว่าน้ำจะระเหยออกไปจากภายในสายไฟฟ้าได้หมด และความร้อนที่สูงเกินไปอาจทำให้สายไฟฟ้าชำรุดเสียหายได้
5. ควรตรวจสอบจุดต่อและรอยต่อสายต่างๆเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีน้ำค้างอยู่ หากไม่แน่ใจอาจจำเป็นต้องตัดจุดต่อสายออกเพื่อตรวจสอบภายใน ถ้าไม่พบน้ำจึงค่อยทำการต่อสายใหม่อีกครั้ง แต่หากพบว่ามีน้ำอยู่ภายใน ควรเปลี่ยนสายไฟใหม่
6. อาจพิจารณาเปลี่ยนสายไฟฟ้าใหม่เฉพาะวงจรที่ถูกน้ำท่วม และใช้สายไฟเดิมสำหรับวงจรที่ไม่ถูกน้ำท่วมได้ เช่นเปลี่ยนสายไฟเฉพาะวงจรชั้นล่างของบ้านกรณีน้ำท่วมไม่ถึงชั้นบน แต่ควรตรวจสอบจุดต่อสายหรือกล่องต่อสายที่ไม่ถูกน้ำท่วมด้วย เนื่องจากน้ำอาจระเหยผ่านสายหรือช่องเดินสายไปรวมตัวกันและควบแน่นเป็นหยดน้ำอยู่ภายใน
7. สายไฟฟ้าที่ถูกเปลี่ยนเนื่องจากถูกน้ำท่วม ควรถูกทำลายทิ้ง และไม่ควรนำกลับมาใช้งานอีก
** คำแนะนำข้างต้น ใช้สำหรับกรณีที่สายไฟแช่ในน้ำที่ไม่มีการปนเปื้อนของสารเคมีหรือน้ำมัน หากสายไฟฟ้าแช่ในน้ำที่มีการปนเปื้อน หรือไม่แน่ใจ ควรเปลี่ยนสายไฟฟ้าใหม่ **
** การพิจารณาตัดสินใจเกี่ยวกับสายไฟฟ้าที่ถูกน้ำท่วม ควรได้รับการตรวจสอบและประเมินโดยช่างไฟฟ้าผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น **
ระบบไฟฟ้าที่ถูกน้ำท่วมอาจทำให้เกิดอันตรายร้ายแรงขึ้นได้หากมีการจ่ายกระแสไฟฟ้าอีกครั้งโดยไม่ได้รับการตรวจสอบแก้ไข ฟื้นฟูสภาพ หรือเปลี่ยนทดแทนใหม่ตามความเหมาะสม โดยเฉพาะในระยะแรกที่จ่ายไฟกลับอาจจะไม่สามารถสังเกตเห็นความผิดปกติในการใช้งาน แต่เมื่อเวลาผ่านไป การเสื่อมสภาพของส่วนประกอบต่างๆในสายไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้าที่สัมผัสกับน้ำท่วมจะค่อยๆเพิ่มขึ้น จนเกิดความบกพร่องและสร้างความเสียหายต่อระบบไฟฟ้าขึ้นได้ในที่สุด ดังนั้นการพิจารณาตัดสินใจดำเนินการกับระบบไฟฟ้าที่ถูกน้ำท่วมจึงต้องทำด้วยความรอบคอบ และคำนึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตเป็นสำคัญ ซึ่งบ่อยครั้งที่ต้องการตัดสินใจเปลี่ยนระบบไฟฟ้าใหม่ทั้งหมด เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินรวมทั้งป้องกันความเสี่ยงจากความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
- Line official : @phelpsdodge_th
- Facebook : PhelpsDodgeThailand
- Tel. 02 680 5800
- E-mail : marketing@pdcable.com , export@pdcable.com