Tel : 0-2680-5800

ติดตั้งสายไฟฟ้าใต้ดินต้องฝังดินลึกเท่าไร?

ปัจจุบันการติดตั้งสายไฟฟ้าใต้ดินได้รับความนิยมนำมาใช้กับการติดตั้งสายไฟฟ้าแรงดันต่ำในบ้านพักอาศัยมากขึ้น เช่น การเดินสายเมนจากมิเตอร์ไฟฟ้าเข้ามายังตัวบ้าน หรือการเดินสายไปยังจุดใช้งานภายนอกบ้าน เช่น การเดินสายเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า การเดินสายสำหรับปั๊มน้ำหรือไฟแสงสว่างในสวน ซึ่งแม้จะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าและมีความยุ่งยากในการติดตั้งมากกว่าวิธีการเดินสายเหนือดิน แต่ก็แลกมาด้วยความเรียบร้อยสวยงามของพื้นที่เพราะไม่มีเส้นสายไฟฟ้าหรือท่อร้อยสายรบกวนทัศนียภาพ นอกจากนี้สายไฟฟ้าใต้ดินยังมีโอกาสเกิดความเสียหายเนื่องจากลมพายุและอุบัติเหตุที่สายไฟถูกเกี่ยวดึงน้อยกว่าการเดินสายลอยในอากาศอีกด้วย

การติดตั้งสายไฟฟ้าใต้ดินสามารถทำได้หลายรูปแบบ ทั้งการติดตั้งในท่อร้อยสายใต้ดินและการติดตั้งสายฝังดินโดยตรง นอกจากนี้ยังสามารถวางแผ่นคอนกรีตบนแนวสายไฟเพื่อเสริมการป้องกันทางกายภาพได้อีกด้วย

ทั้งนี้ ความลึกในการติดตั้งสายไฟฟ้าใต้ดินรูปแบบต่างๆที่เป็นที่นิยมตามมาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้าสำหรับประเทศไทยมีรายละเอียดดังรูป

หมายเหตุ :
1.การติดตั้งสายใต้อาคาร ไม่บังคับเรื่องความลึก
2.ความลึกของการฝังสายไฟฟ้าหรือท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดินวัดจากส่วนบนของสายไฟหรือท่อถึงพื้นผิวบนสุดของส่วนปกคลุม

การติดตั้งสายไฟใต้ดินสำหรับบ้านพักอาศัยทั่วไป แนะนำให้เดินสายร้อยท่อฝังดินเนื่องจากท่อร้อยสายไฟจะช่วยป้องกันสายไฟจากสภาพแวดล้อมและอุบัติเหตุต่างๆได้ดีกว่าการติดตั้งสายแบบฝังดินโดยตรง เช่น การป้องกันน้ำและความชื้นใต้ดิน การช่วยป้องกันไม่ให้สายไฟถูกเจาะ ดึง กระแทก หรือกดทับโดยตรง ซึ่งอาจเกิดจากการทรุดตัวของชั้นดิน หรืออุบัติเหตุจากการขุดเจาะพลาดไปโดนสายไฟโดยไม่ตั้งใจ

อ่านบทความอื่น ๆ ได้ที่นี่


ติดตามข่าวสารและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม


การระบุสัญลักษณ์ของตัวนำ หรือ สีของสายไฟฟ้า มีความสำคัญต่อความปลอดภัยในการติดตั้งระบบไฟฟ้าอย่างมาก เพราะหากไม่ทำให้ถูกต้องตามมาตรฐานอาจทำให้เกิดความสับสนหรือเข้าใจผิดในการแยกแยะการต่อวงจรของตัวนำ เช่น ต่อตัวนำสลับเฟส หรือต่อวงจรผิดจนมีกระแสไฟไหลในสายดิน ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงขึ้นได้ 

การติดตั้งระบบไฟฟ้าในประเทศไทย โดยทั่วไปจะต้องปฏิบัติให้สอดคล้องเป็นไปตามข้อกำหนดของมาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้าฯ ที่ออกโดยวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ซึ่งมาตรฐานล่าสุดคือฉบับปี พ.ศ.2564 ได้มีการกำหนดวิธีการระบุสัญลักษณ์ตัวนำด้วยการใช้สีและการทำเครื่องหมายเป็นตัวอักษรไว้ในหัวข้อ 5.1.11 การระบุสัญลักษณ์ตัวนำสำหรับระบบแรงต่ำ (กระแสสลับ) ที่มีการต่อลงดิน โดยสามารถสรุปได้ดังนี้

สีของสายไฟฟ้า และการระบุสัญลักษณ์ตัวนำ ตามมาตรฐานกำหนด

ข้อสังเกตจากมาตรฐานการติดตั้ง ฯ

1. สำหรับสายแกนเดียวขนาดใหญ่กว่า 16 ตร.มม. โดยทั่วไปแล้วผู้ผลิตสายไฟฟ้าจะผลิตสายเป็นสีดำเป็นมาตรฐานของโรงงาน จึงมีการอนุญาตให้ใช้สายสีดำยาวตลอดทั้งเส้นและใช้วิธีทำเครื่องหมายเป็นสีหรือตัวอักษรแทนการทำฉนวนเป็นสีได้

2. สำหรับสายแกนเดียวที่ใช้เป็นสายดิน นอกจากจะใช้สายหุ้มฉนวนแล้ว ยังสามารถใช้สายตัวนำเปลือยได้

3. สีฉนวนสายดิน แม้จะอนุโลมให้ใช้สีเขียวได้สำหรับสายไฟฟ้าแกนเดียว แต่มาตรฐานต้องการให้ใช้สีเขียวแถบเหลืองเป็นทางเลือกแรกมากกว่า เช่นเดียวกับกรณีการทำเครื่องหมายเป็นตัวอักษรที่มาตรฐานต้องการให้ใช้อักษร PE เป็นทางเลือกแรกมากกว่าการใช้ตัวอักษร G หรือ E ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล IEC ที่กำหนดให้ใช้สีเขียวร่วมกับสีเหลือง หรือใช้ตัวอักษร PE เป็นสัญลักษณ์สำหรับ Protective Conductor ซึ่งก็คือสายดินป้องกันหรือสายดินของอุปกรณ์ไฟฟ้านั่นเอง

สำหรับสายไฟฟ้าแกนเดียว โดยเฉพาะสาย 60227 IEC 01 (THW) ซึ่งเป็นสายที่ใช้เดินในบ้านและอาคารโดยทั่วไป ในท้องตลาดจะมีสีสายไฟฟ้าให้เลือกหลากหลายสีสำหรับสายขนาดไม่เกิน 16 ตร.มม. การเลือกใช้จึงต้องเลือกสีสายไฟฟ้าให้ถูกต้องตามข้อกำหนดของมาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้าฯ ดังที่กล่าวมา ส่วนสายแกนเดียวขนาดใหญ่กว่า 16 ตร.มม. ที่มักจะผลิตเป็นสีดำ ก็จำเป็นต้องทำเครื่องหมายเป็นสี หรือตัวอักษรบริเวณที่มีจุดต่อสายและทุกปลายสายให้ถูกต้องตามมาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้าฯ ด้วยเช่นกัน

สำหรับสายไฟฟ้าชนิดหลายแกน ผู้ผลิตจะผลิตให้มีสีฉนวนเป็นไปตามมาตรฐานอ้างอิงอยู่แล้ว แต่ก็มีข้อควรระวังในการเลือกสายไฟฟ้าดังนี้

สีของสายไฟฟ้า กรณีเลือกสายที่มีตัวนำ 3 แกน จะมีสีฉนวนให้เลือกสองแบบด้วยกันคือ 

  • แบบที่หนึ่ง ฉนวนน้ำตาล, สีฟ้า และสีเขียวแถบเหลือง สำหรับใช้กับระบบไฟฟ้า 1 เฟสที่มีสายดิน และ
  • แบบที่สอง ฉนวนสีน้ำตาล. สีดำ และสีเทา สำหรับใช้กับระบบไฟฟ้า 3 เฟสที่ไม่มีทั้งสายนิวทรัลและสายดิน
สีของสายไฟฟ้า แบบหลายแกน

สีของสายไฟฟ้ากรณีเลือกสายที่มีตัวนำ 4 แกน จะมีสีฉนวนให้เลือกสองแบบด้วยกันคือ 

  • แบบที่หนึ่ง ฉนวนสีน้ำตาล. สีดำ, สีเทา และสีเขียวแถบเหลือง สำหรับใช้กับระบบไฟฟ้า 3 เฟสที่มีสายดิน แต่ไม่มีสายนิวทรัล
  • แบบที่สอง ฉนวน สีน้ำตาล, สีดำ, สีเทา และสีฟ้า สำหรับใช้กับระบบไฟฟ้า 3 เฟสที่มีสายนิวทรัลแต่ไม่มีสายดิน 
สีของสายไฟฟ้า แบบหลายแกน

ทั้งนี้ การใช้สายไฟฟ้าที่ระบุสีฉนวนถูกต้องตามมาตรฐาน จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดความสับสนหรือเข้าใจผิดในการแยกแยะตัวนำสายไฟฟ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการแก้ไขหรือต่อเติมระบบไฟฟ้าในภายหลัง

มาตรฐาน IEC ที่ว่าด้วยเรื่อง การระบุสัญลักษณ์ตัวนำด้วยการใช้สีหรือตัวอักษร คือมาตรฐาน IEC 60445 ซึ่งสามารถสรุปการแนะนำในการระบุสัญลักษณ์ของตัวนำไว้ ดังตาราง

จะเห็นได้ว่า โดยหลักแล้ว การระบุสัญลักษณ์ตัวนำตามมาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้าสำหรับประเทศไทย มีพื้นฐานมาจากมาตรฐาน IEC 

อย่างไรก็ตาม มีความแตกต่างบางประการที่พบระหว่างมาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้าสำหรับประเทศไทย และมาตรฐาน IEC 60445 ดังนี้

  1. มาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้าสำหรับประเทศไทยอนุโลมให้ใช้สีเขียวสำหรับสายดิน กรณีที่เป็นสายไฟฟ้าแกนเดียวได้ แต่มาตรฐาน IEC กำหนดให้ต้องใช้สีเขียวและสีเหลืองร่วมกันเท่านั้น และไม่ให้ใช้สีเขียวหรือสีเหลืองร่วมกับสีอื่น ในการระบุสัญลักษณ์ตัวนำอื่น ๆ เพื่อป้องกันความสับสนด้วย นอกจากนี้ มาตรฐาน IEC ยังแนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้สีเขียวหรือสีเหลืองสีใดสีหนึ่งเพียงสีเดียวในการระบุสัญลักษณ์ตัวนำ เว้นแต่กรณีที่แน่ใจว่าจะไม่เกิดความสับสนในการแยกแยะตัวนำ
  1. สำหรับตัวนำสายนิวทรัล มาตรฐาน IEC กำหนดสีด้วยคำภาษาอังกฤษว่า Blue ซึ่งให้ความหมายครอบคลุมทั้งสีน้ำเงินและสีฟ้าในภาษาไทย โดยมาตรฐานแนะนำให้ใช้สีฟ้า (Unsaturated colour blue หรือ Light blue) เพื่อป้องกันความสับสนกับสีอื่น ๆ แต่ก็ไม่ได้ห้ามใช้สีน้ำเงิน ส่วนมาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้าสำหรับประเทศไทย กำหนดให้สายนิวทรัลใช้สีฟ้าเท่านั้น
  2. นอกจากนี้ มาตรฐาน IEC ยังแนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้สีเขียวหรือสีเหลืองสีใดสีหนึ่งเพียงสีเดียวในการระบุสัญลักษณ์ตัวนำ เว้นแต่กรณีที่แน่ใจว่าจะไม่เกิดความสับสนในการแยกแยะตัวนำ
  3. การใช้สีเขียวและสีเหลืองร่วมกันสำหรับสายดิน มาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้าสำหรับประเทศไทยกำหนดให้เป็นสีเขียวแถบเหลือง ซึ่งตีความได้ว่าพื้นที่ผิวส่วนที่เห็นเป็นสีเขียวจะมีมากกว่าพื้นที่ผิวส่วนเส้นแถบที่เห็นเป็นสีเหลือง แต่ในมาตรฐาน IEC ไม่ได้เจาะจงลงไปว่าต้องใช้สีใดเป็นสีพื้นและสีใดเป็นเส้นแถบ แต่กำหนดโดยให้พื้นที่ผิวของสีใดสีหนึ่งอยู่ระหว่าง 30% – 70% และพื้นที่ผิวที่เหลือเป็นอีกสีหนึ่ง ซึ่งหมายความว่าจะใช้เป็นสีเขียวแถบเหลือง หรือสีเหลืองแถบเขียวก็ได้ หรืออาจใช้เป็นสีเขียวและสีเหลืองที่มีพื้นที่เท่า ๆ กันสีละ 50% ก็ได้
  4. การกำหนดสีของตัวนำเส้นไฟในระบบไฟฟ้า 3 เฟส มาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้าสำหรับประเทศไทย กำหนดให้ เฟส 1 ใช้สีน้ำตาล, เฟส 2 ใช้สีดำ และเฟส 3 ใช้สีเทา แต่ในมาตรฐาน IEC ระบุว่าควรใช้ สีดำ, สีน้ำตาล และสีเทา โดยไม่ได้กำหนดเจาะจงลงไปว่าต้องใช้สีใดสำหรับเฟสใด หรือมีการเรียงลำดับอย่างไร ดังนั้นในต่างประเทศจึงอาจพบเจอการใช้สีฉนวนเรียงสลับเฟสแตกต่างไปจากที่ประเทศไทยใช้ได้ เช่น เฟส 1 ใช้สีดำ, เฟส 2 ใช้สีน้ำตาล และเฟส 3 ใช้สีเทา เป็นต้น

และสุดท้ายนี้ เฟ้ลปส์ ดอด์จ หวังว่าผู้อ่านทุกท่านจะได้รับความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ สีของสายไฟฟ้า และการระบุสัญลักษณ์ตัวนำ ตามมาตรฐานที่ประเทศไทยกำหนด รวมทั้งที่มาจากมาตรฐานสากล IEC แล้วอย่าลืมติดตามว่า เฟ้ลปส์ ดอด์จ จะนำบทความดี ๆ อะไรมาแชร์ให้ทุกท่านได้อ่านกันอีกนะคะ

อ่านบทความอื่น ๆ ได้ที่นี่


ติดตามข่าวสารและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม


More Catalog

Price List

Extra high – high voltage Power cables

Medium voltage power cables

Low Voltage Power and Control Cables

Fire Resistant and Low Smoke Halogen Free cables 

Telecommunication Cables

Building Wire and Bare Conductor

อัปเดตมาตรฐานใหม่ สาย SAC มอก.2341-2564 มีอะไรเพิ่มมาบ้าง ?

สาย SAC มาตรฐานใหม่ มอก.2341-2564

สายไฟฟ้าอากาศตัวนำอะลูมิเนียมหุ้มฉนวนและเปลือก XLPE หรือที่รู้จักกันในชื่อ สาย SAC (Spaced Aerial Cable) เป็นสายไฟฟ้าแรงดันปานกลางที่ผลิตตามมาตรฐาน สาย SAC มอก.2341 ซึ่งล่าสุดได้มีการออกมาตรฐานฉบับใหม่ มอก.2341-2564 มาแทนฉบับเดิม มอก. 2341-2555

การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ในมาตรฐานฉบับใหม่ของ สาย SAC

คือการแบ่งสายออกเป็น 4 ประเภท ตามพิกัดแรงดันไฟฟ้าและความหนาของฉนวน XLPE โดยกำหนดเป็นประเภท T1, T2, T3 และ T4

  • ประเภท T1 แรงดันไฟฟ้าที่กำหนด 25kV ความหนาฉนวนแบบที่ 1
  • ประเภท T2 แรงดันไฟฟ้าที่กำหนด 25kV ความหนาฉนวนแบบที่ 2
  • ประเภท T3 แรงดันไฟฟ้าที่กำหนด 35kV ความหนาฉนวนแบบที่ 3
  • ประเภท T4 แรงดันไฟฟ้าที่กำหนด 35kV ความหนาฉนวนแบบที่ 4

เมื่อพิจารณาในรายละเอียด สายไฟฟ้าประเภท T1 และ T2 จะมีพิกัดแรงดันไฟฟ้าที่กำหนดเท่ากันคือ 25 kV แต่ความหนาฉนวนจะไม่เท่ากัน โดยสายไฟฟ้าประเภท T1 จะมีความหนาของชั้นฉนวนน้อยกว่า แต่มีความหนาของเปลือกหุ้มชั้นนอกมากกว่าสายไฟฟ้าประเภท T2

เช่นเดียวกับสายไฟฟ้าประเภท T3 และ T4 ที่มีพิกัดแรงดันไฟฟ้าที่กำหนดเท่ากันคือ 35 kV แต่ความหนาฉนวนจะไม่เท่ากัน โดยสายไฟฟ้าประเภท T3 จะมีความหนาของชั้นฉนวนน้อยกว่า แต่มีความหนาของเปลือกหุ้มชั้นนอกมากกว่าสายไฟฟ้าประเภท T4

สาย SAC มาตรฐานใหม่_มอก.2341-2564

สาเหตุที่ต้องมีการแบ่งสาย ในแต่ละพิกัดแรงดันให้มีสองประเภทตามความหนาฉนวนที่แตกต่างกันนั้น

เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานของ สาย SAC ที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคใช้งานอยู่ ซึ่งจะมีความหนาของฉนวนและเปลือกแตกต่างไปจากมาตรฐานฉบับเดิม (มอก. 2341-2555) ดังนั้นจึงมีการแก้ไขมาตรฐานใหม่เป็น มอก.2341-2564

โดยรวมเอาสาย SAC ที่มีโครงสร้างลักษณะเป็นไปตามมาตรฐานของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเข้าไว้ด้วย และกำหนดสายเป็น 4 ประเภทดังกล่าว ซึ่งสามารถสรุปความแตกต่างของสายทั้ง 4 ประเภทได้ดังภาพนี้

สาย SAC มาตรฐานใหม่_มอก.2341-2564
สาย SAC มาตรฐานใหม่_มอก.2341-2564

การพิจารณาเลือกใช้ สาย SAC ในปัจจุบัน

การเลือกใช้สาย SAC ในปัจจุบันจึงต้องมีการพิจารณาเลือกใช้สายให้ถูกประเภท และต้องมีการระบุประเภทของสายในขั้นตอนการสั่งซื้อให้ชัดเจน เพื่อป้องกันความสับสนและป้องกันการใช้งานสายประเภทที่ผิดไปจากข้อกำหนด

สาย SAC มาตรฐานใหม่_มอก.2341-2564

ปัจจุบัน สาย SAC ของ เฟ้ลปส์ ดอด์จ ได้รับการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมฉบับใหม่ครบทั้ง 4 ประเภทเรียบร้อยแล้ว โดยมีการพิมพ์เครื่องหมายมาตรฐาน มอก.2341-2564 พร้อมทั้งระบุประเภทของสายไว้บนสายทุกเส้นที่มีการผลิตดังตัวอย่างในภาพ (สำหรับสาย 25 kV)


More Catalog

Price List

Extra high – high voltage Power cables

Medium voltage power cables

Low Voltage Power and Control Cables

Fire Resistant and Low Smoke Halogen Free cables 

Telecommunication Cables

Building Wire and Bare Conductor


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

  • Line official :  @phelpsdodge_th
  • Tel. ‭02 680 5800‬
  • E-mail : marketing@pdcable.com , export@pdcable.com

www.pdcable.com

สายไฟฟ้าที่ใช้งานในระบบไฟฟ้าทั่วไป มีชนิดอะไรบ้าง

สายไฟฟ้าที่ใช้งานในระบบไฟฟ้าทั่วไป มีอยู่ด้วยกันหลากหลายชนิด ซึ่งสายไฟฟ้าแต่ละชนิดต่างก็มีการออกแบบโครงสร้างและคุณสมบัติต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับลักษณะการนำไปติดตั้งใช้งานในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป 

การเลือกใช้สายไฟฟ้า จึงต้องเลือกชนิดสายให้เหมาะสมกับรูปแบบการใช้งาน และวิธีการติดตั้งสายไฟฟ้าตามมาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้า ฯ ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยและเสถียรภาพของระบบไฟฟ้า

โดยทั่วไป เราอาจแบ่งกลุ่มสายไฟฟ้าตามระดับแรงดันไฟฟ้าใช้งานได้เป็น สายไฟฟ้าแรงดันต่ำ, สายไฟฟ้าแรงดันปานกลาง, สายไฟฟ้าแรงดันสูงและสูงพิเศษ

นอกจากนี้ ยังมีสายไฟฟ้าที่ใช้งานเฉพาะด้าน เช่น สายไฟฟ้าที่มีคุณสมบัติเพิ่มความปลอดภัยเมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ หรือสายไฟฟ้าสำหรับวงจรควบคุม เป็นต้น ซึ่ง สายไฟฟ้าที่ใช้งานในระบบไฟฟ้าทั่วไป ชนิดที่นิยม ได้แก่

1. สายไฟฟ้าแรงดันต่ำ (Low voltage cables)

1.1 สายไฟฟ้ามาตรฐาน มอก.11 (สาย Building Wire)

เป็นสายไฟฟ้าที่มีตัวนำเป็นทองแดง มีฉนวนเป็น PVC และบางชนิดอาจมีเปลือก PVC หุ้มชั้นนอก สายที่ใช้โดยทั่วไปมีพิกัดแรงดันไฟฟ้า 300/500V หรือ 450/750V และมีพิกัดอุณหภูมิ 70 องศาเซลเซียส สายไฟฟ้ามาตรฐาน มอก.11 มีด้วยกันหลายชนิด แต่ชนิดที่นิยม สายไฟฟ้าที่ใช้งานในระบบไฟฟ้าทั่วไป ได้แก่

60227 IEC 01 (THW) เป็นสายไฟฟ้าตัวนำทองแดงหุ้มฉนวน PVC ชั้นเดียว มีพิกัดแรงดันไฟฟ้า 450/750V เป็นสายที่นิยมใช้งานโดยทั่วไป ใช้เดินร้อยท่อฝังผนังหรือบนฝ้าเพดานภายในอาคาร เดินร้อยท่อเกาะผนัง เดินในราง wire-way หรือเดินลอยในอากาศภายนอกอาคาร

 

60227 IEC 02 (THW-F) เป็นสายไฟฟ้าตัวนำทองแดงหุ้มฉนวน PVC ชั้นเดียว มีพิกัดแรงดันไฟฟ้า 450/750V ต่างจากสาย 60227 IEC 01 (THW) ตรงที่ตัวนำเป็นทองแดงเส้นฝอย จึงอ่อนตัวได้ดี ติดตั้งในพื้นที่แคบได้สะดวก นิยมใช้เดินในตู้ควบคุมไฟฟ้า สามารถใช้เดินร้อยท่อ หรือเดินในราง wire-way ได้

  

 

NYY และ NYY-G เป็นสายไฟฟ้าตัวนำทองแดง หุ้มฉนวนและเปลือก PVC พิกัดแรงดันไฟฟ้า 450/750V มีตัวนำตั้งแต่ 1 แกน ถึง 4 แกน โดยสาย NYY-G จะมีสายดินแกนสีเขียวแถบเหลืองเพิ่มมาอีก 1 แกน

สาย NYY และสาย NYY-G เป็นสายที่มีความแข็งแรงทนทาน เนื่องจากมีเปลือก PVC หุ้มหนากว่าสายชนิดอื่นๆ ทำให้สามารถใช้ติดตั้งร้อยท่อฝังดินและฝังดินโดยตรงได้ดี และยังสามารถใช้เดินลอยในอากาศ เดินร้อยท่อ วางบนรางเคเบิล และราง wire-wayได้อีกด้วย

 

60227 IEC 10 เป็นสายไฟฟ้าที่มีลักษณะโครงสร้างเหมือนสาย NYY ชนิดหลายแกน ทำให้ผู้ใช้งานมักสับสนกับสาย NYY ในแง่การติดตั้งใช้งาน ความแตกต่างระหว่างสายไฟสองชนิดนี้คือ สาย 60227 IEC 10 มีพิกัดแรงดันไฟฟ้า 300/500V มีฉนวนและเปลือกบางกว่าสาย NYY และมีขนาดตัวนำสูงสุด 35 ตร.มม. การใช้งานสามารถเดินลอยในอากาศ เดินร้อยท่อ เดินเกาะผนัง วางบนรางเคเบิลและราง wire-way แต่ไม่สามารถติดตั้งร้อยท่อฝังดินหรือฝังดินโดยตรงได้เหมือนสาย NYY

 

VCT และ VCT-G เป็นสายไฟฟ้าตัวนำทองแดง หุ้มฉนวนและเปลือก PVC มีพิกัดแรงดันไฟฟ้า 450/750V มีตัวนำตั้งแต่ 1 แกน ถึง 4 แกน โดยสาย VCT-G เป็นสายหลายแกนพร้อมแกนสายดินสีเขียวแถบเหลือง สาย VCT และ VCT-G มีจุดเด่นคือตัวนำเป็นทองแดงเส้นฝอยสายมีความนิ่มและอ่อนตัวได้ดี เหมาะกับงานติดตั้งในที่แคบ หรืองานที่สายมีการขยับเคลื่อนที่บ่อยหรือมีความสั่นสะเทือน สาย VCT และ VCT-G ใช้เดินร้อยท่อ เดินลอยในอากาศ เดินเกาะผนัง วางบนรางเคเบิลและราง wire-way รวมทั้งเดินร้อยท่อฝังดิน หรือฝังดินโดยตรงได้

60227 IEC 53 เป็นสายไฟฟ้าที่มีลักษณะโครงสร้างเหมือนสาย VCT ชนิดหลายแกน คือตัวนำทองแดงเส้นฝอย หุ้มฉนวนและเปลือก PVC แต่มีพิกัดแรงดันไฟฟ้า 300/500V และมีขนาดตัวนำสูงสุด 2.5 ตร.มม. เป็นสายไฟฟ้าที่เหมาะสำหรับใช้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าชนิดหยิบยกเคลื่อนที่ได้ นอกจากนี้ยังใช้เดินลอยในอากาศ เดินร้อยท่อ เดินเกาะผนัง วางบนรางเคเบิลหรือราง wire-way แต่ไม่สามารถติดตั้งร้อยท่อฝังดิน และฝังดินโดยตรงได้เหมือนสาย VCT

VAF และ VAF-G เป็นสายไฟฟ้าแบนที่มีตัวนำทองแดง หุ้มฉนวนและเปลือก PVC มีพิกัดแรงดัน 300/500V สาย VAF มีตัวนำ 2 แกน และสาย VAF-G มีตัวนำ 2 แกนพร้อมกับสายดินอีกหนึ่งแกน ใช้เดินเกาะผนังด้วยเข็มขัดรัดสาย (ตีกิ๊ป) ห้ามเดินร้อยท่อและห้ามเดินฝังดิน

1.2 สายอะลูมิเนียม

  

THW-A หรือ WPC (Weather Proof Cable) เป็นสายไฟฟ้าตัวนำอะลูมิเนียมตีเกลียวหุ้มฉนวน PVC ชั้นเดียว ผลิตตามมาตรฐาน มอก.293-2541 มีพิกัดแรงดันไฟฟ้า 750V ใช้เดินลอยในอากาศภายนอกอาคาร ไม่สามารถใช้เดินภายในอาคารได้

1.3 สายไฟฟ้าฉนวน XLPE

เป็นสายไฟฟ้าที่ผลิตตามมาตรฐาน IEC 60502-1 หรือ มอก.2143-2546 พิกัดแรงดันไฟฟ้า 0.6/1 kV มีตัวนำเป็นทองแดงตีเกลียว หุ้มฉนวน XLPE (Cross-linked polyethylene) และหุ้มเปลือกนอก PVC ซึ่งฉนวน XLPE สามารถทนอุณหภูมิได้ 90 องศาเซลเซียส สายไฟฟ้าฉนวน XLPE จึงมีพิกัดกระแสไฟฟ้าสูงกว่าสายหุ้มฉนวน PVC ที่มีขนาดตัวนำเท่ากัน

นอกจากนี้ ฉนวน XLPE ยังมีความต้านทานไฟฟ้าสูงกว่า มีความแข็งแรงมากกว่า และป้องกันการซึมผ่านของน้ำได้ดีกว่าฉนวน PVC จึงเหมาะสำหรับใช้เป็นฉนวนของสายไฟฟ้ากำลัง

CV หรือ 0.6/1 kV XLPE/PVC เป็นสายไฟฟ้าตัวนำทองแดง หุ้มฉนวน XLPE และหุ้มเปลือกนอก PVC มีทั้งชนิดตัวนำแกนเดี่ยว และหลายแกน สามารถใช้ติดตั้ง เดินร้อยท่อ เดินเกาะผนัง วางบนรางเคเบิลและราง wire-way เดินร้อยท่อฝังดิน และฝังดินโดยตรงได้ แต่หากใช้เดินในอาคาร ต้องเดินในช่องเดินสายที่ปิดมิดชิด เช่น เดินร้อยท่อ หรือในราง wire-way ไม่สามารถใช้เดินเกาะผนังโดยตรงหรือวางบนรางเคเบิลภายในอาคารได้ หากต้องการเดินสายหุ้มฉนวน XLPE วางบนรางเคเบิลภายในอาคาร ต้องใช้สายชนิด CV-FD ที่ผ่านการทดสอบต้านเปลวเพลิงตามมาตรฐาน IEC 60332-3 category C

CV-FD หรือ 0.6/1 kV XLPE/FRPVC เป็นสายไฟฟ้าตัวนำทองแดง หุ้มฉนวน XLPE ที่มีโครงสร้างเหมือนกันกับสาย CV ยกเว้นเปลือกนอกเป็น FRPVC ซึ่งเป็น PVC เกรดที่ติดไฟได้ยากกว่า PVC ปกติและไม่ลามไฟ มีทั้งชนิดตัวนำแกนเดี่ยว และหลายแกน สามารถใช้ติดตั้ง เดินร้อยท่อ วางบนรางเคเบิล ร้อยท่อฝังดิน และฝังดินโดยตรง สามารถใช้เดินบนรางเคเบิลภายในอาคารได้ เนื่องจากผ่านการทดสอบต้านเปลวเพลิงตามมาตรฐาน IEC 60332-3 category C

1.4 สายควันน้อย ไร้ฮาโลเจน (Low Smoke Halogen Free cables: LSHF cables)

สายควันน้อย ไร้ฮาโลเจน ( Low smoke halogen free : LSHF ) เป็นสายไฟฟ้าที่ใช้ติดตั้งในอาคารหรือสถานที่เฉพาะ ที่ต้องการความปลอดภัยสูงกว่าปกติเมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ เช่น อาคารใต้ผิวดิน อาคารเพื่อการสาธารณะต่าง ๆ อาคารผู้โดยสารสนามบิน

สถานีรถไฟฟ้า โรงมหรสพ โรงภาพยนต์ โรงแรม สถานบริการ ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น มีพิกัดแรงดันไฟฟ้า  0.6/1 kV พิกัดอุณหภูมิ 90 องศาเซลเซียส มีทั้งแบบสายแกนเดี่ยวและสายหลายแกน

สายควันน้อย ไร้ฮาโลเจนผลิตโดยใช้วัสดุที่พัฒนาขึ้นมาโดยเฉพาะเพื่อให้มีคุณสมบัติพิเศษ 3 ประการในด้านความปลอดภัยเมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ ได้แก่

  • ต้านเปลวเพลิง (Flame retardant): หน่วงเหนี่ยวการลุกลามไฟ ต้านทานเปลวไฟไม่ให้ลุกลามไปตามสายไฟฟ้า ทดสอบตามมาตรฐาน IEC 60332-1 และ IEC 60332-3
  • ควันน้อย (Low smoke): ปริมาณควันไฟที่เกิดจากการเผาไหม้สายไฟน้อย ทดสอบตามมาตรฐาน IEC 61034-2
  • ไม่ปล่อยก๊าซกรด (No acid gases emission): สายไฟฟ้าปราศจากสารประกอบของธาตุฮาโลเจน (Halogen free หรือ Zero halogen) จึงไม่ปล่อยก๊าซพิษที่เป็นกรดเมื่อถูกไฟไหม้ ทดสอบตามมาตรฐาน IEC 60754-1 และ IEC 60754-2

สายควันน้อย ไร้ฮาโลเจนสามารถผลิตให้มีโครงสร้างเหมือนกับสายแรงดันต่ำทั่วไป แต่จะไม่ใช้ PVC เป็นส่วนประกอบของสาย เนื่องจากธรรมชาติของ PVC จะปล่อยควันไฟหนาทึบปริมาณมาก และมีส่วนประกอบของสารฮาโลเจนที่ก่อให้เกิดก๊าซพิษที่มีฤทธิ์เป็นกรดเมื่อถูกไฟไหม้

·         0.6/1 kV LSHF-XLPE สายไฟฟ้าแกนเดี่ยว ตัวนำทองแดงตีเกลียว หุ้มฉนวนชั้นเดียว ไม่มีเปลือกนอก ฉนวนทำจากวัสดุครอสลิงกด์ชนิดพิเศษที่มีคุณสมบัติต้านเปลวเพลิง ควันน้อย และไม่ปล่อยก๊าซกรด สามารถใช้ติดตั้งร้อยท่อภายในอาคารได้เหมือนสาย 60227IEC01 (THW) 

·         0.6/1 kV XLPE/LSHF สายไฟฟ้าตัวนำทองแดงตีเกลียว หุ้มฉนวนครอสลิงกด์และมีเปลือกนอกที่มีคุณสมบัติต้านเปลวเพลิง ควันน้อย และไม่ปล่อยก๊าซกรด มีทั้งชนิดแกนเดี่ยวและหลายแกน มีโครงสร้างสายเหมือนกับสาย CV สามารถใช้ติดตั้งร้อยท่อ และวางบนรางเคเบิลได้เหมือนสาย CV

1.5 สายทนไฟ (Fire Resistant Cables: FRC)

เป็นสายไฟฟ้าที่มีคุณสมบัติทนไฟ (Fire resistance) คือความสามารถในการรักษาความสมบูรณ์ของวงจรไฟฟ้า (Circuit integrity) ไว้ได้ในขณะที่เกิดเพลิงไหม้ สายทนไฟสามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่องแม้ในขณะที่สายถูกไฟไหม้ เนื่องจากโครงสร้างสายมีชั้นเทปไมก้าพันบนตัวนำทองแดงทำหน้าที่ป้องกันไฟ (Fire barrier) สายทนไฟใช้สำหรับวงจรไฟฟ้าช่วยชีวิตหรือวงจรฉุกเฉินต่างๆที่ต้องสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องเมื่อเกิดเหตุที่ต้องอพยพหนีภัย เช่น ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้และระบบสื่อสารฉุกเฉิน ระบบไฟฟ้าแสงสว่างฉุกเฉิน ระบบลิฟต์ดับเพลิง ระบบเครื่องสูบน้ำและระบบดับเพลิงอัตโนมัติ เป็นต้น สายทนไฟมีพิกัดแรงดันไฟฟ้า  0.6/1 kV พิกัดอุณหภูมิ 90 องศาเซลเซียส มีทั้งแบบสายแกนเดี่ยวและสายหลายแกน

นอกจากจะมีคุณสมบัติทนไฟแล้ว สายทนไฟยังมีคุณสมบัติต้านเปลวเพลิง ควันน้อย และไม่ปล่อยก๊าซกรด เช่นเดียวกับสายควันน้อย ไร้ฮาโลเจนอีกด้วย สายทนไฟมีคุณสมบัติพิเศษดังนี้

  • ทนไฟ (Fire resistance) สายไฟสามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้เป็นปกติเมื่อถูกไฟไหม้ ทดสอบตามมาตรฐาน BS 6387 หรือ IEC 60331
  •  ต้านเปลวเพลิง (Flame retardant) หน่วงเหนี่ยวการลุกลามไฟ ต้านทานเปลวไฟไม่ให้ลุกลามไปตามสายไฟฟ้า ทดสอบตามมาตรฐาน IEC 60332-1 และ IEC 60332-3
  • ควันน้อย (Low smoke) ปริมาณควันไฟที่เกิดจากการเผาไหม้สายไฟน้อย ทดสอบตามมาตรฐาน IEC 61034-2
  • ไม่ปล่อยก๊าซกรด (No acid gases emission) สายไฟฟ้าปราศจากสารประกอบของธาตุฮาโลเจน (Halogen free หรือ Zero halogen) จึงไม่ปล่อยก๊าซพิษที่เป็นกรดเมื่อถูกไฟไหม้ ทดสอบตามมาตรฐาน IEC 60754-1 และ IEC 60754-2

·         0.6/1 kV MICA/LSHF-XLPE สายไฟฟ้าทนไฟแกนเดี่ยว ตัวนำทองแดงตีเกลียวและพันด้วยเทปกันไฟไมก้า หุ้มฉนวนชั้นเดียว ไม่มีเปลือกนอก ฉนวนทำจากวัสดุครอสลิงกด์ชนิดพิเศษที่มีคุณสมบัติต้านเปลวเพลิง ควันน้อย และไม่ปล่อยก๊าซกรด สามารถใช้ติดตั้งร้อยท่อภายในอาคารได้เหมือนสาย 60227IEC01 (THW)

·         0.6/1 kV MICA/XLPE/LSHF สายไฟฟ้าตัวนำทองแดงตีเกลียวและพันด้วยเทปกันไฟไมก้า หุ้มฉนวนครอสลิงกด์และมีเปลือกนอกที่มีคุณสมบัติต้านเปลวเพลิง ควันน้อย และไม่ปล่อยก๊าซกรด มีทั้งชนิดแกนเดี่ยวและหลายแกน มีโครงสร้างสายเหมือนกับสาย CV สามารถใช้ติดตั้งร้อยท่อ และวางบนรางเคเบิลได้เหมือนสาย CV

2. สายไฟฟ้าแรงดันปานกลาง (Medium voltage cables)

สายไฟฟ้าพิกัดแรงดันไฟฟ้าสูงกว่า 1 kV ขึ้นไปถึง 36 kV มีโครงสร้างสายหลายแบบขึ้นอยู่กับลักษณะการติดตั้งใช้งาน โดยทั่วไปเป็นสายหุ้มฉนวน XLPE โดยสายตัวนำอะลูมิเนียมใช้สำหรับการติดตั้งเดินลอยในอากาศ และสายตัวนำทองแดงใช้สำหรับการติดตั้งรูปแบบอื่นๆ เช่น ติดตั้งฝังดิน เดินร้อยท่อ วางบนรางเคเบิล เป็นต้น ซึ่งสายไฟฟ้าแรงดันปานกลางก็เป็น สายไฟฟ้าที่ใช้งานในระบบไฟฟ้าทั่วไป เช่นกัน

SAC (Spaced Aerial Cable) เป็นสายไฟฟ้าอากาศตัวนำอะลูมิเนียม หุ้มฉนวนและเปลือก Cross-linked polyethylene (XLPE) ผลิตตามมาตรฐาน มอก.2341-2564 มีพิกัดแรงดันไฟฟ้า 25kV และ 35kV สาย SAC เป็นสายไฟฟ้าชนิดหุ้มฉนวนไม่เต็มพิกัด (Partial insulated cable) และไม่มีชิลด์โลหะที่ต่อลงดิน ดังนั้นสาย SAC จึงต้องติดตั้งเดินลอยในอากาศบนฉนวนลูกถ้วยหรือ Cable Spacer ไม่สามารถเดินร้อยท่อ วางบนรางเคเบิล หรือวางสัมผัสกับพื้นหรือสิ่งก่อสร้างต่างๆได้ และไม่สามารถสัมผัสกับสายเฟสข้างเคียงได้

·         MXLP เป็นสายไฟฟ้าแรงดันปานกลางที่มีตัวนำทองแดง หุ้มฉนวน XLPE มีสกรีนโลหะที่ทำจากเทปทองแดงหรือเส้นลวดทองแดง และมีเปลือกนอกเป็น PE หรือ PVC มีพิกัดแรงดันไฟฟ้า 1.8/3(3.6) kV, 3.6/6(7.2) kV, 6/10(12) kV, 8.7/15(17.5) kV, 12/20(24) kV และ 18/30(36) kV ผลิตตามมาตรฐาน IEC 60502 หรือ มอก.2143-2546 มีทั้งชนิดสายแกนเดี่ยวและสาย 3 แกน ใช้ติดตั้งร้อยท่อ วางบนรางเคเบิล ร้อยท่อฝังดิน หรือฝังดินโดยตรง โครงสร้างสายที่นิยมใช้ได้แก่

  • Cu/XLPE/CWS/PE 1-Core สายแกนเดี่ยว ตัวนำทองแดง หุ้มฉนวน XLPE มีสกรีนโลหะชนิดลวดทองแดง หุ้มเปลือกนอก PE
  • Cu/XLPE/CTS/PE 3-Core สาย 3 แกน ตัวนำทองแดง หุ้มฉนวน XLPE มีสกรีนโลหะชนิดเทปทองแดง หุ้มเปลือกนอก PE
  • Cu/XLPE/CWS/PVC 1-Core สายแกนเดี่ยว ตัวนำทองแดง หุ้มฉนวน XLPE มีมีสกรีนโลหะชนิดลวดทองแดง หุ้มเปลือกนอก PVC
  • Cu/XLPE/CTS/PVC 3-Core สาย 3 แกน ตัวนำทองแดง หุ้มฉนวน XLPE มีมีสกรีนโลหะชนิดเทปทองแดง หุ้มเปลือกนอก PVC

นอกจากนี้ยังสามารถผลิตโดยเพิ่มชั้นป้องกันพิเศษ เช่น เกราะอาร์เมอร์ หรือเปลือกตะกั่ว เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ต้องการการปกป้องสายมากเป็นพิเศษ เช่น การติดตั้งฝังดินโดยตรง การติดตั้งในโรงงานอุตสาหกรรม โรงกลั่น และปิโตรเคมี เป็นต้น

3. สายไฟฟ้าแรงดันสูงและแรงดันสูงพิเศษ (High and Extra-high voltage cables)

สายไฟฟ้าแรงดันสูงที่ใช้ติดตั้งใต้ดินในประเทศไทยเป็นสายไฟฟ้าพิกัดแรงดัน 69 kV และ 115 kV เป็นส่วนใหญ่ โดยมีใช้สายพิกัดแรงดันไฟฟ้า 230 kV หรือสูงกว่าในระบบสายส่งไฟฟ้าใต้ดินบางส่วนรวมถึงในโรงไฟฟ้า สายไฟฟ้าแรงดันสูงเหล่านี้ มีตัวนำเป็นทองแดง หุ้มฉนวน XLPE มีสกรีนโลหะ มีชั้นป้องกันน้ำ และหุ้มเปลือกนอกด้วย PE, PVC หรือ FRPVC

·         69 kV และ 115 kV HXLP สายไฟฟ้าใต้ดินแรงดันสูง 69 kV และ 115 kV ผลิตตามมาตรฐาน มอก.2202-2547 มีตัวนำเป็นทองแดงตีเกลียว หุ้มฉนวน XLPE มีชิลด์เป็นลวดทองแดง (Copper Wire Shield) มีชั้นป้องกันน้ำที่ทำจาก Laminated Aluminium Tape และ Water blocking tape เพื่อป้องกันการซึมผ่านของน้ำ มีเปลือกนอกเป็น PE (ชนิด Cu/XLPE/CWS/LAT/PE) ซึ่งเปลือกนอกจะทำเป็นสันโดยรอบ (Ribbed Oversheath) เพื่อช่วยลดแรงเสียดทานระหว่างลากสาย นอกจากนี้ยังมีสายชนิดที่ผ่านการทดสอบต้านเปลวเพลิงตามมาตรฐาน IEC 60332-3 category A ซึ่งมีเปลือกนอกเป็น FRPVC (ชนิด Cu/XLPE/CWS/LAT/FRPVC) สำหรับใช้ติดตั้งในพื้นที่ที่ต้องการความปลอดภัยมากกว่าปกติเมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้

·         230 kV EHXLP สายไฟฟ้าใต้ดินแรงดันสูง 230 kV ตัวนำทองแดงตีเกลียว หุ้มฉนวน XLPE มี Corrugated Aluminium Sheath ที่ทำหน้าที่เป็นชิลด์โลหะและยังช่วยในการป้องกันน้ำ ความชื้น และปกป้องสายจากแรงกระแทกกดทับจากภายนอกได้ด้วย มีเปลือกนอกเป็น PE (ชนิด Cu/XLPE/CAS/PE) หรือ PVC (ชนิด Cu/XLPE/CAS/PVC)

4. สายไฟฟ้าที่ใช้งานในระบบไฟฟ้าทั่วไปสำหรับวงจรควบคุม (Control Cable)

มีลักษณะเป็นสายหลายแกนที่มีตัวนำขนาดเล็ก โดยทั่วไปไม่เกิน 10 ตร.มม. แต่อาจมีจำนวนแกนมากถึง 30 แกนในสายเคเบิลเส้นเดียว โดยทั่วไปผลิตตามมาตรฐาน IEC 60502-1, JIS C-3401 หรือ มอก.838-2531 มีตัวนำเป็นทองแดง หุ้มฉนวนและเปลือก PVC พิกัดแรงดันไฟฟ้า 600V มีทั้งชนิดที่มีและไม่มีชิลด์

CVV เป็นสายไฟฟ้าสำหรับวงจรควบคุม มีตัวนำเป็นทองแดง หุ้มฉนวนและเปลือก PVC โดยทั่วไปตัวนำเป็นทองแดงตีเกลียว แต่สามารถผลิตตัวนำทองแดงเส้นฝอยกรณีที่ต้องการความอ่อนตัวของสายมากเป็นพิเศษได้

CVV-S เป็นสายไฟฟ้าสำหรับวงจรควบคุม มีตัวนำเป็นทองแดง หุ้มฉนวนและเปลือก PVC เหมือนกันกับสาย CVV แต่เพิ่มชิลด์เทปทองแดง (Copper tape shield) เพื่อป้องกันสัญญาณรบกวน สามารถผลิตเป็นตัวนำทองแดงเส้นฝอยกรณีที่ต้องการความอ่อนตัวของสายมากเป็นพิเศษได้

สุดท้ายแล้วนั้นจะเห็นได้ว่า สายไฟฟ้าที่ใช้งานในระบบไฟฟ้าทั่วไป มีหลากหลายชนิดแตกต่างกันไป เพราะฉะนั้นการเลือกใช้สายไฟฟ้า จึงต้องเลือกให้ถูกต้องเหมาะสมกับลักษณะการใช้งาน และรูปแบบวิธีการติดตั้งต้องถูกต้องสอดคล้องกับมาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้าด้วย เพราะการเลือกใช้และติดตั้งสายไฟฟ้าให้ถูกต้องเหมาะสม เป็นสิ่งสำคัญที่ส่งผลต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้คนที่ใช้งานหรือปฏิบัติงานกับระบบไฟฟ้านั้น


สายไฟฟ้าสำหรับอาคารและที่อยู่อาศัยทั่วไป

More Catalog

Price List

Extra high – high voltage Power cables

Medium voltage power cables

Low Voltage Power and Control Cables

Fire Resistant and Low Smoke Halogen Free cables 

Telecommunication Cables

Building Wire and Bare Conductor


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

  • Line official :  @phelpsdodge_th
  • Tel. ‭02 680 5800‬
  • E-mail : marketing@pdcable.com , export@pdcable.com

www.pdcable.com

สายไฟฟ้ามีอายุการใช้งานยาวนานเท่าไร มีวันหมดอายุหรือไม่?

สายไฟฟ้าจะมีอายุการใช้งานยาวนานเพียงใดนั้น ขึ้นอยู่กับฉนวนของสายไฟฟ้าว่าสามารถคงคุณสมบัติความเป็นฉนวนไฟฟ้าได้นานเพียงใด เพราะหากฉนวนเสียสภาพการป้องกันทางไฟฟ้าไป ก็จะมีกระแสไฟฟ้ารั่วไหลหรือเกิดการเบรคดาวน์ของฉนวน

โดยทั่วไปแล้ว ฉนวนของสายไฟฟ้ามักจะทำจากพลาสติกโพลิเมอร์ ซึ่งมีความต้านทานทางไฟฟ้าสูง มีความยืดหยุ่นอ่อนตัวได้ดี และมีความทนทานใช้งานได้ยาวนานโดยไม่ต้องมีการบำรุงรักษาที่ยุ่งยาก แต่ฉนวนพลาสติกโพลิเมอร์ก็สามารถเสื่อมสภาพลงได้จากสาเหตุปัจจัยต่างๆมากมาย ซึ่งบางปัจจัยส่งผลให้ฉนวนเสื่อมสภาพลงอย่างช้าๆ แต่หลายๆปัจจัยก็ส่งผลให้ฉนวนเสื่อมสภาพลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงเป็นการยากที่จะกำหนดอายุการใช้งานหรือวันหมดอายุของสายไฟฟ้าอย่างเจาะจงได้เพราะสายไฟฟ้าถูกใช้งานในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างหลากหลายกันไป แต่โดยทั่วไปแล้ว สายไฟฟ้าฉนวน PVC จะมีอายุการใช้งานยาวนานได้ถึง 20 ปี ส่วนสายไฟฟ้าฉนวน XLPE มีอายุการใช้งานได้มากกว่า 30 ปี ภายใต้สภาวะแวดล้อมและเงื่อนไขการติดตั้งใช้งานตามปกติของสายไฟฟ้า

ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้อายุการใช้งานของสายไฟฟ้าสั้นลงได้แก่  ความร้อน ความชื้น แสงแดดหรือรังสี UV แรงดันไฟฟ้าเกิน แรงกระทำจากภายนอก (การบิดตัว/หักงอ/กระแทก/กดทับ) และการสัมผัสกับสารกัดกร่อนต่างๆ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ สามารถทำให้ฉนวนสายไฟฟ้าเสื่อสภาพหรือชำรุดและทำให้อายุการใช้งานของสายไฟฟ้าสั้นลงกว่าปกติได้อย่างมาก และในทางกลับกัน การติดตั้งสายไฟฟ้าโดยมีการป้องกันสายจากปัจจัยต่างๆเหล่านี้ ก็สามารถยืดอายุการใช้งานสายไฟฟ้าให้ยืนยาวออกไปได้อย่างมากเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น สายไฟฟ้าที่จ่ายกระแสเกินพิกัด (Overload) จะมีความร้อนเกิดขึ้นในสายสูงเกินกว่าพิกัดอุณหภูมิสูงสุด ส่งผลให้ฉนวนเกิดการกรอบแตกได้อย่างรวดเร็ว  หรือสายไฟฟ้าที่ติดตั้งร้อยท่อฝังผนังในอาคาร ที่ไม่ถูกแสงแดด ความร้อน และความชื้น หากไม่ใช้งานเกินพิกัดกระแส สามารถมีอายุการใช้งานยาวนานได้มากกว่า 30 ปี เป็นต้น

นอกจากนี้ สายไฟฟ้าที่มีเปลือกหุ้มหลายชั้น หรือมีการเสริมชั้นป้องกันต่างๆ เช่น เกราะอาร์เมอร์ หรือเปลือกตะกั่ว ก็ยิ่งเป็นการเพิ่มการป้องกันสายไฟฟ้าจากปัจจัยภายนอกเหล่านี้ และสามารถยืดอายุสายให้ยาวนานขึ้นได้

จะเห็นได้ว่า เราสามารถยืดอายุการใช้งานสายไฟฟ้าให้ยาวนานได้ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบระบบไฟฟ้า โดยให้ความสำคัญกับการเลือกชนิดและขนาดสายไฟฟ้าที่เหมาะสม และเลือกใช้วิธีการติดตั้งที่ช่วยป้องกันสายจากสภาพแวดล้อมที่อาจทำให้สายไฟฟ้าเสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควร นอกจากนี้ ควรเลือกซื้อสายไฟฟ้าที่ผลิตจากวัตถุดิบคุณภาพสูง ผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน เพื่อให้สามารถใช้งานสายไฟฟ้าได้อย่างมั่นใจ ปลอดภัยตลอดอายุการใช้งาน…เพราะการเลือกสายไฟ ก็เหมือนกับการลงทุนระยะยาวนั่นเอง

                                                                                        

ค้นหาตัวแทนจำหน่ายสายไฟฟ้าเฟ้ลปส์ ดอด์จ ทั่วประเทศ คลิก

สอบถามตัวแทนจำหน่ายหรือสั่งซื้อได้ที่

Line OA: @phelpsdodge_th

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

Tel. ‭02 680 5800‬

www.pdcable.com

www.facebook.com/PhelpsDodgeThailand

E-mail : marketing@pdcable.com , export@pdcable.com

สายไฟและมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มอก.

แบบทั่วไป และ แบบบังคับ ต่างกันอย่างไร ?

สายไฟ มาตรฐานสายไฟ

วันนี้ เฟ้ลปส์ ดอด์จ จำขอนำมาตรฐาน มอก.ที่เกี่ยวกับสายไฟมาฝาก ซึ่งบทความนี้จะว่าด้วยเรื่องมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มอก. แต่ก่อนอื่น ขอให้ได้ทราบความหมายของ มอก.กันก่อน ก่อนที่จะแสดงข้อมูลของมาตรฐานที่ใช้กับสายไฟมาให้ทราบค่ะ

มอก. (Thai Industrial Standard) : มอก.เป็นคำย่อมาจาก “มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม” หมายถึงข้อกำหนดทางวิชาการที่ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม(สมอ.)ได้กำหนดขึ้นเพื่อเป็นแนวทางแก่ผู้ผลิตในการผลิตสินค้าให้มีคุณภาพในระดับที่เหมาะสมกับการใช้งานมากที่สุดโดยจัดทำออกมาเป็นเอกสารและจัดพิมพ์เป็นเล่ม

ทั้งนี้ความปลอดภัยของผู้บริโภคเป็นสิ่งสำคัญ การใช้สินค้าที่มีเครื่องหมาย มอก.มีประโยชน์ดังนี้

1.  ช่วยในการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้า และ สร้างความปลอดภัยในการนำไปใช้
2. ในกรณีที่ชำรุด สามารถหาอะไหล่ได้ง่าย เพราะสินค้ามีมาตรฐานเดียวกัน ใช้ทดแทนกันได้
3. ธีการบำรุงรักษาใกล้เคียงกัน ไม่ต้องเรียนรู้ใช้สินค้าใหม่ทุกครั้งที่ซื้อ
4. ได้สินค้าคุณภาพดีขึ้นในราคาที่เป็นธรรมคุ้มค่ากับการใช้งาน

สำหรับความต่างของเครื่องหมาย มอก. นั้น มีด้วยกันดังนี้

1.เครื่องหมายมาตรฐานแบบทั่วไป เป็นเครื่องหมายที่แสดงบนผลิตภัณฑ์ที่เป็นมาตรฐานไม่บังคับ ผู้ผลิตสามารถยื่นขอใบอนุญาตแสดงเครื่องหมายมาตรฐานได้ด้วยความสมัครใจ ซึ่งเป็นมาตรฐานที่กำหนดออกมามากที่สุด โดยปัจจุบันมีมากกว่า 2,000 รายการ

สามารถเข้าดูรายการสินค้า มอก. ทั่วไป – สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ได้ที่
http://appdb.tisi.go.th/tis_dev/p3_tis/p3tis.php?data=B

2.เครื่องหมายมาตรฐานแบบบังคับ

เป็นเครื่องหมายที่แสดงบนผลิตภัณฑ์ที่มีกฎหมายให้ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่ผู้บริโภคและป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่เศรษฐกิจของประเทศ ผู้ผลิต ผู้นำเข้า และผู้จำหน่าย จะต้องผลิตและจำหน่ายเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ต้องเป็นไปตามมาตรฐานเท่านั้น ปัจจุบัน สมอ.ได้กำหนดออกมาแล้ว 68 รายการ

สามารถเข้าดูรายการสินค้า มอก. บังคับ – สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ได้ที่
http://appdb.tisi.go.th/tis_dev/p3_tis/p3tis.php?data=A

ทั้งนี้ประเทศไทยเรามีมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) สำหรับการผลิตและจำหน่ายสายไฟฟ้าด้วยเช่นกัน โดยแบ่งเป็นมาตรฐานแบบทั่วไป และ มาตรฐานแบบบังคับ
โดยวันนี้ขอนำมาตรฐาน มอก.ของสายไฟฟ้าเฟ้ลปส์ ดอด์จ มาให้ทราบกันดังนี้

 มอก.สายไฟฟ้ามาตรฐานแบบทั่วไป ได้แก่

1.มอก. 64-2517 : สายไฟตัวนำทองแดงเปลือยรีดแข็ง
2.มอก. 838-2531 : สายไฟฟ้าสําหรับวงจรควบคุม
3.มอก. 2143-2546 : เช่น สายไฟ0.6/1 kV CV, 12/20 kV XLPE Cable
4.มอก. 2341-2555 : สาย สายไฟ SAC (Spaced Aerial Cable)

มอก.สายไฟฟ้ามาตรฐานแบบบังคับ ได้แก่

1.มอก. 11-2553 : เช่น สายไฟ THW, สายไฟ NYY, สายไฟ VCT
2.มอก. 85-2548 : สายไฟตัวนำอะลูมิเนียมเปลือย AAC, ACSR
3.มอก. 293-2541 : สายไฟ THW-A, สายไฟ WPC
4.มอก. 2202-2547 : สายไฟ 69 kV และ สายไฟ 115 kV XLPE Cable
5.มอก. 2434-2552 : สายโทรศัพท์ AP, AP(8)

เพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคในการเลือกใช้สินค้าต่างๆ และเพื่อความปลอดภัย มั่นใจในผลิตภัณฑ์และผุ้ผลิตสินค้า อย่าลืมเลือกใช้สินค้าที่ได้รับเครื่องหมาย มอก. นะคะ

ข้อมูลเพิ่มเติม : มาตรฐานสายไฟฟ้า 

สีของฉนวนสายไฟตามมาตรฐาน

สายไฟสำหรับเดินภายในบ้าน 

เฟ้ลปส์ ดอด์จ ผู้ผลิตสายไฟฟ้าที่ดีที่สุด

Catalog    Price List 

Building Wire and Bare Conductor

Low voltage Power and Control Cables

เพราะเรื่องของสายไฟ..ไม่ใช่อะไรก็ได้
เฟ้ลปส์ ดอด์จ Life Line ทุกสายคือชีวิต
#สายไฟที่ดีที่สุดต้องเฟ้ลปส์ดอด์จ

พบตัวแทนจำหน่ายสายไฟฟ้าเฟ้ลปส์ ดอด์จ ทั่วประเทศ ได้ที่ http://www.pdcable.com/distribution-2/

📞Tel. ‭02 680 5800‬
🌏www.pdcable.com
📱Line@: @phelpsdodge_th

สายไฟฟ้าแต่ละชนิดใช้งานต่างกันอย่างไร?

“จำง่ายๆ สายไฟฟ้า แต่ละชนิดใช้งานต่างกันอย่างไร?”  วันนี้เฟ้ลปส์ ดอด์จ #รวมชนิดสายไฟฟ้า ที่ต้องใช้ติดตั้งใน #งานระบบไฟฟ้าสำหรับอาคารบ้านเรือนทั่วไป มาให้ทราบกันค่ะ ว่าในการติดตั้งงานระบบไฟฟ้าแต่ละรูปแบบนั้น ช่างไฟฟ้าจะเลือกใช้สายไฟฟ้าชนิดใดบ้าง? ซึ่งจะเป็นชนิดสายไฟฟ้า ที่มีวางจำหน่ายตามท้องตลาดโดยทั่วไป หาซื้อได้ง่ายตามร้านขายอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ซึ่งสามารถเลือกซื้อได้ทั้งแบบม้วน  หรือ สายไฟฟ้าแบบแบ่งตัด ตามวัตถุประสงค์และจำนวนขนาดที่ต้องการของช่างไฟฟ้าที่ต้องทำการติดตั้งหน้างานค่ะ  มีสายไฟฟ้าชนิดใดกันบ้างนั้น มีข้อมูลดังนี้ค่ะ

สายไฟฟ้า

โดยทั่วไป ชนิดสายไฟฟ้าหลักๆ ที่ใช้ติดตั้งในงานระบบ มีด้วยกันดังนี้ค่ะ 🔌

 

1. 60227 IEC 01 (THW) สายไฟร้อยท่อ สำหรับบ้านและอาคารทั่วไป สายไฟสำหรับเป็นสายเมนเดินลอยในอากาศ (ขนาด 1.5 – 400 ตร.มม.)

 

2. THW-A   สายไฟฟ้าสำหรับเป็นสายเมนเดินลอยในอากาศนอกอาคาร

(ขนาด 10 – 300 ตร.มม.)

 

3. NYY  สายไฟฟ้าสำหรับสายเมน สายไฟสนาม สายไฟถนน สายไฟสำหรับวางบนรางเคเบิล ร้อยท่อ หรือฝังดิน

(1 แกน ขนาด 1 – 500 ตร.มม. , 2 – 4 แกน ขนาด 50 – 300 ตร.มม.)

(NYY-G 2 – 4 แกน + สายดิน ขนาด 25 – 300 ตร.มม.)

 

4. CV  สายไฟฟ้าสำหรับสายเมน สายไฟวางบนรางเคเบิลนอกอาคาร ร้อยท่อ หรือฝังดิน 

(1 แกน ขนาด 1.5 – 630 ตร.มม. , 2 – 4 แกน ขนาด 1.5 – 400 ตร.มม.)

สายไฟฟ้า

5. CV-FD สายไฟฟ้าสำหรับสายเมน สายไฟวางบนรางเคเบิลในอาคาร ร้อยท่อ

(1 แกน ขนาด 1.5 – 630 ตร.มม. , 2 – 4 แกน ขนาด 1.5 – 400 ตร.มม.)

 

6. PdfireTec (FRC) สายทนไฟสำหรับวงจรไฟฟ้าช่วยชีวิต วงจรไฟฉุกเฉิน

(1 แกน ขนาด 1.5 – 630 ตร.มม.)

 

7. VAF สายไฟฟ้าสำหรับเดินเกาะผนัง (ตีกิ๊บ) ในบ้านและอาคารทั่วไป

(ขนาด 1 – 16 ตร.มม.) , (VAF-G ขนาด 1 – 16 ตร.มม.)

สายไฟ

8. Station wire  สายโทรศัพท์ในอาคาร  (2-6 แกน ขนาด 0.5 – 0.65 มม.)

 

9. VCT  สายไฟฟ้าสำหรับต่อเข้ามอเตอร์ เครื่องจักร อุปกรณ์ไฟฟ้า

(1-4 แกน ขนาด 4 – 35 ตร.มม.) , (VCT-G 2-4 แกน + สายดิน ขนาด 4 – 35 ตร.มม.)

 

10. PdsolarTec (PV Cable) สายไฟฟ้าสำหรับโซลาร์เซลล์โดยเฉพาะ

(ขนาด 2.5 – 240 ตร.มม.)

เพราะเรื่องของสายไฟ..ไม่ใช่อะไรก็ได้
เฟ้ลปส์ ดอด์จ Life Line ทุกสายคือชีวิต
#สายไฟที่ดีที่สุดต้องเฟ้ลปส์ดอด์จ

มั่นใจ ปลอดภัย ติดตั้งด้วยงานคุณภาพ ต้องสายไฟฟ้าเฟ้ลปส์ ดอด์จ
#สายไฟที่ช่างมืออาชีพทุกคนเลือกใช้

พบตัวแทนจำหน่ายสายไฟฟ้าเฟ้ลปส์ ดอด์จ ทั่วประเทศ ได้ที่ http://www.pdcable.com/distribution-2/

📞Tel. ‭02 680 5800‬
🌏www.pdcable.com
📱Line@: @phelpsdodge_th

60227 IEC 53 แตกต่างกับ VCT อย่างไร?

เนื่องจากสายไฟทั้ง 2 ชนิดนี้ ดูรวมๆแล้วมีโครงสร้างที่เหมือนกันเลยค่ะ ทั้งแบบมีสายดินและไม่มีสายดิน แต่อันที่จริงแล้ว หากสังเกตจะพบว่า สายไฟ 2 ชนิดนี้ มีข้อแตกต่างที่ไม่เหมือนกัน รวมไปถึงการนำไปใช้งานในการติดตั้งของสายไฟด้วยค่ะ

วันนี้ เฟ้ลปส์ ดอด์จ จึงมาสรุปความเหมือนและความแตกต่างของสายไฟฟ้าทั้ง 2 ชนิดให้ได้ทราบกันอีกครั้ง แบบเข้าใจง่าย เพื่อให้ช่างไฟฟ้าทุกท่านสามารถเลือกติดตั้งสายไฟได้ตรงตามมาตรฐานกำหนด ดังนี้

ในส่วนที่มีความเหมือนกันของสายไฟฟ้า 60227 IEC 53 และ VCT คือ

1.สายไฟฟ้ามีตัวนำเป็นสายอ่อนหรือสายฝอย
2.โครงสร้างของสายไฟมีทั้งฉนวนและเปลือกเป็น PVC
3.สายไฟทั้ง 2 ชนิด  สายหลายแกน มีทั้งที่มีตัวนำสายดินและไม่มีตัวนำสายดินให้เลือกใช้

สำหรับข้อแตกต่างของสายไฟฟ้า ทั้ง 2 ชนิด มีดังต่อไปนี้

1.สายไฟ60227 IEC 53 มีพิกัดแรงดัน 300/500V ส่วน สายไฟ VCT มีพิกัดแรงดัน 450/750V

2.สายไฟ60227 IEC 53 มีขนาดพื้นที่หน้าตัดตัวนำ 0.75 – 2.5 ตร.มม. ส่วนสายไฟ VCT มีขนาดพื้นที่หน้าตัดตัวนำ 4 – 35 ตร.มม.

3.สายไฟ VCT มีทั้งชนิดแกนเดี่ยวและหลายแกน แต่สายไฟ  60227 IEC 53 มีเฉพาะสายหลายแกน

4.มาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้าสำหรับประเทศไทย (วสท.) กำหนดวิธีการติดตั้งใช้งานของสายไฟทั้งสองชนิดแตกต่างกัน

ถึงแม้ว่าสายไฟฟ้า 60227 IEC 53 จะมีโครงสร้างที่เหมือนกันกับสายไฟ VCT แต่เนื่องจาก #สายทั้งสองชนิดมีพิกัดแรงดันที่แตกต่างกัน สายไฟ 60227 IEC 53 จึงไม่ใช่สายไฟ VCT และมาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้าฯ กำหนดให้สายไฟ 60227 IEC 53 ไม่สามารถใช้ติดตั้งร้อยท่อฝังดินหรือฝังดินโดยตรงได้เหมือนสายไฟ VCT นะคะ

สำหรับข้อแตกต่างเรื่องการใช้งานของสายไฟฟ้าทั้ง 2 ชนิดนี้ สามารถดูจากตารางของสายไฟฟ้าเฟ้ลปส์ ดอด์จได้เลยค่ะ

อ่านความรู้เพิ่มเติมสายไฟในโรงงาน

 

60227 IEC 53

VCT

Price List 

Catalog Dowload 

เพราะเรื่องของสายไฟ..ไม่ใช่อะไรก็ได้
เฟ้ลปส์ ดอด์จ Life Line ทุกสายคือชีวิต
#สายไฟที่ดีที่สุดต้องเฟ้ลปส์ดอด์จ
มั่นใจ ปลอดภัย ติดตั้งด้วยงานคุณภาพ ต้องสายไฟฟ้าเฟ้ลปส์ ดอด์จ

#สายไฟที่ช่างมืออาชีพทุกคนเลือกใช้
พบตัวแทนจำหน่ายสายไฟฟ้าเฟ้ลปส์ ดอด์จ ทั่วประเทศ ได้ที่ http://www.pdcable.com/distribution-2/

📞Tel. ‭02 680 5800‬
🌏www.pdcable.com
📱Line@: @phelpsdodge_th

#PhelpsDodge #ผู้เชี่ยวชาญเรื่องสายไฟ
#สายไฟคุณภาพสูง #สายไฟที่ดีที่สุด
#มาตรฐานความปลอดภัย
#ระดับโลก #WorldClass #สายไฟฟ้า
#VCT #IEC53

สายคอนโทรล มีชนิดใดบ้าง? 

วันนี้เฟ้ลปส์ ดอด์จ จะพาทุกท่านไปรู้จักกับสายไฟฟ้าที่ใช้เดินในตู้คอนโทรล หรือตู้สวิทช์บอร์ดกัน

สายไฟฟ้าแกนเดี่ยวขนาดเล็กที่ใช้เชื่อมต่อวงจรใน ตู้ควบคุมหรือตู้สวิทช์บอร์ด ที่เรียกกันว่า สายไวร์ริ่ง (Wiring) หรือ Hook-up wire นิยมใช้สายอ่อนที่มีตัวนำทองแดงเส้นฝอย หุ้มฉนวน PVC หรือที่เรียกว่าสายคอนโทรล เนื่องจากสามารถเดินสายในตู้ที่มีพื้นที่จำกัดได้สะดวก และสามารถจัดสายให้เป็นระเบียบได้ง่าย ซึ่งสายประเภทนี้มีอยู่หลายชนิดในท้องตลาด ได้แก่

สายคอนโทรล

โดยสายไฟฟ้าหรือสายคอนโทรล เหล่านี้สามารถแบ่งตามมาตรฐานอ้างอิงได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ คือ

1.มาตรฐาน มอก.11-2553 (รับเอามาจากมาตรฐานนานาชาติ IEC 60227)
2.BS EN ( อังกฤษ ยุโรป)
3.UL (อเมริกา)

แต่เนื่องจากมาตรฐาน UL มีสายหลากหลายชนิดและกำหนดขนาดตัวนำเป็นหน่วย AWG ซึ่งต่างจากขนาดตัวนำตามมาตรฐาน มอก. และ BS EN ที่ระบุเป็น ตร.มม. เหมือนกับสายไฟฟ้าทั่วไปที่ใช้ในประเทศไทย ดังนั้นสายที่ใช้ไวร์ริ่งในตู้ไฟฟ้าหรือสายคอนโทรบส่วนใหญ่จึงนิยมใช้สายตามมาตรฐาน มอก. และ BS EN โดยในที่นี้จึงจะกล่าวถึงเฉพาะสายตามมาตรฐาน มอก. และ BS EN

และมีหลายคนคงสงสัยว่าสายเหล่านี้แตกต่างกันอย่างไร? และจะเลือกใช้สายเหล่านี้อย่างไร ? เพราะตัวสายดูแล้วก็หน้าตาเหมือนๆกัน เฟ้ลปส์ ดอด์จ จึงได้นำข้อมูลสรุปมาให้เป็นข้อมูลตามภาพประกอบนะคะ และ ขออธิบายเพิ่มเติมให้ได้ทราบกันดังนี้

1.ในความเป็นจริงแล้ว สายไฟฟ้าชนิด 60227 IEC 02 (THWF) และสาย H07V-K เป็นสายที่มีคุณสมบัติเหมือนกัน แตกต่างกันแต่เพียงชื่อสายที่มาตรฐานใช้เรียกชื่อสายต่างกัน ดังนั้นสายไฟฟ้าชนิด 60227 IEC 02 (THWF) ที่ผลิตตามมาตรฐาน มอก.11-2553 จึงสามารถใช้แทนสาย H07V-K ได้

2.ในทำนองเดียวกัน สายไฟฟ้าชนิด 60227 IEC 06 (VSF) ก็มีคุณสมบัติเหมือนกันและสามารถใช้แทนสาย H05V-K ได้เช่นกัน

3.สายไฟฟ้าชนิด 60227 IEC 08 (HVSF) แม้จะเป็นสายทนความร้อน 90 องศาเซลเซียสเหมือนกันกับสาย H07V2-K แต่มีพิกัดแรงดันไฟฟ้า 300/500 โวลต์ และมีขนาดตัวนำ 0.5 – 2.5 ตร.มม. ซึ่งจะต่างจากสาย H07V2-K ที่มีพิกัดแรงดันไฟฟ้า 450/750 โวลต์ และมีขนาดตัวนำ 1.5 – 240 ตร.มม.

นอกจากใช้ไวร์ริ่งในตู้ไฟฟ้าแล้ว สายไฟฟ้า หรือ สายคอนโทรลเหล่านี้ยังใช้เป็นสายต่อวงจรภายในอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆอีกด้วยค่ะ ดังนั้นการเลือกใช้สายไฟฟ้าแต่ละชนิดต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆ ได้แก่ อุณหภูมิ แรงดันไฟฟ้า และขนาดตัวนำให้เหมาะสมกับงานอีกด้วย

คลิกดาวน์โหลด Data Sheet

Tel. ‭02 680 5800‬
www.pdcable.com
E-mail : Marketing@pdcable.com

PDWindTec สายไฟฟ้าที่ดีที่สุดสำหรับระบบผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานลม (Wind Farm) จาก เฟ้ลปส์ ดอด์จ

ในปัจจุบันได้มีการใช้ประโยชน์จากพลังงานลมเพื่อการผลิตไฟฟ้าในหลายพื้นที่ของประเทศไทย เนื่องจาก พลังงานลมเป็นพลังงานหมุนเวียนชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นพลังงานที่สะอาด ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสภาพแวดล้อม โดยใช้กังหันลมเป็นอุปกรณ์ในการเปลี่ยนพลังงานจลน์ของกระแสลมให้เป็นพลังงานกล และนำพลังงานกลนี้ไปใช้ในการขับเคลื่อนเครื่องกำเนิดไฟฟ้าต่อไป

โดยปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตได้จะขึ้นอยู่กับความเร็วของลม ความยาวของใบพัด และสถานที่ติดตั้งกังหันลม

ทั้งนี้ สายไฟฟ้าแรงดันระดับปานกลางที่ใช้เชื่อมต่อระหว่างเสากังหันแต่ละเสาไปที่ Substation ก็คือ สายไฟฟ้า PDWindTec โดยเป็นสายไฟฟ้าที่ผลิตตามมาตรฐาน IEC 60502-2 พร้อมด้วยคุณสมบัติพิเศษสำหรับระบบผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานลม ดังนี้

1.สาย PDwindTec มีความแข็งแรง ทนทานกว่าสายไฟทั่วไป สามารถติดตั้งแบบฝังดินได้โดยตรง เนื่องจากภายในสาย PDwindTec มีโครงสร้างลวดเกราะที่แข็งแรงเป็นพิเศษ ช่วยป้องกันฉนวนของสายไฟจากการกดทับของดิน การกระแทกหรือการขุดเจาะได้เป็นอย่างดี

2.เปลือกนอกของสาย PDwindTec มีคุณสมบัติที่ช่วยป้องกันความชื้นได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้สาย PDwindTec สามารถใช้ในงานติดตั้งกังหันลมเพื่อการผลิตไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สายไฟฟ้าที่ดีที่สุดสำหรับระบบผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานลม (Wind Farm) จาก เฟ้ลปส์ ดอด์จ

เพราะเรื่องของสายไฟ..ไม่ใช่อะไรก็ได้
เฟ้ลปส์ ดอด์จ Life Line ทุกสายคือชีวิต
#สายไฟที่ดีที่สุดต้องเฟ้ลปส์ดอด์จ
มั่นใจ ปลอดภัย ติดตั้งด้วยงานคุณภาพ ต้องสายไฟฟ้าเฟ้ลปส์ ดอด์จ
#สายไฟที่ช่างมืออาชีพทุกคนเลือกใช้
พบตัวแทนจำหน่ายสายไฟฟ้าเฟ้ลปส์ ดอด์จ ทั่วประเทศ ได้ที่ http://www.pdcable.com/distribution-2/
📞Tel. ‭02 680 5800‬
🌏www.pdcable.com
📱Line@: @phelpsdodge_th
#PhelpsDodge #ผู้เชี่ยวชาญเรื่องสายไฟ
#สายไฟคุณภาพสูง #สายไฟที่ดีที่สุด
#มาตรฐานความปลอดภัย
#ระดับโลก #WorldClass #สายไฟฟ้า
#สายไฟ #PdwindTec
#windfarm #พลังงานลม
#Greenenergy

 

ติดตามเราได้ที่ : Facebook Phelps Dodge Thailand

ติดต่อเราได้ที่ : Contact

สายไฟฟ้าสำหรับวงจรไฟฟ้าช่วยชีวิต คือสายชนิดใด ?

Q: สายไฟฟ้าที่ใช้กับวงจรไฟฟ้าช่วยชีวิต เช่น ระบบลิฟต์ผจญเพลิง ควรเลือกใช้สายไฟฟ้าชนิดใด? และ เพราะเหตุใด?

A: เมื่อเกิดเพลิงไหม้ในอาคาร จะทำให้เกิดความร้อนสูง เกิดควันจำนวนมาก และเกิดก๊าซพิษ ซึ่งเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน สายไฟฟ้าที่ออกแบบเป็นพิเศษเพื่อใช้ติดตั้งในวงจรไฟฟ้าหรือในพื้นที่ที่ต้องการความปลอดภัยขณะเกิดเพลิงไหม้ โดยเฉพาะสายไฟฟ้าที่ใช้จ่ายไฟให้แก่วงจรสำคัญ เช่น ระบบลิฟต์ผจญเพลิง เป็นต้นนั้น จำเป็นต้องใช้ #สายทนไฟFRC (Fire Resistant Cable) หรือสายไฟฟ้า #PdfireTec จาก เฟ้ลปส์ ดอด์จ เพราะสายไฟต้องสามารถจ่ายไฟได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่เกิดการลัดวงจร แม้ในขณะที่สายไฟฟ้าถูกเพลิงไหม้ โดยสายไฟฟ้าทั่วไปเมื่อถูกเพลิงไหม้ ฉนวนหรือส่วนประกอบของสายจะถูกไฟไหม้ไปจนเกิดการลัดวงจรและไม่สามารถจ่ายไฟให้แก่วงจรได้ แต่สายทนไฟจะมีชั้นของวัสดุทนไฟ เช่น เทปไมก้า (Mica tape) พันอยู่บนตัวนำทองแดง ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นฉนวนป้องกันการลัดวงจรแทนฉนวนที่เป็นพลาสติกซึ่งจะถูกเปลวไฟเผาไหม้ไปเมื่อสายถูกเพลิงไหมค่ะ

Fire Resistant and Low Smoke Halogen Free cables 

FRC Single core Non-Sheath

FRC Single core

FRC Muti-Core

FRC Multi-Core with Armour

FRC Control cable with Shield

สายทนไฟ FRC สายไฟเฟ้ลปส์ ดอด์จ

เพราะเรื่องของสายไฟ..ไม่ใช่อะไรก็ได้
เฟ้ลปส์ ดอด์จ Life Line ทุกสายคือชีวิต
#สายไฟที่ดีที่สุดต้องเฟ้ลปส์ดอด์จ

มั่นใจ ปลอดภัย ติดตั้งด้วยงานคุณภาพ ต้องสายไฟฟ้าเฟ้ลปส์ ดอด์จ
#สายไฟที่ช่างมืออาชีพทุกคนเลือกใช้

พบตัวแทนจำหน่ายสายไฟฟ้าเฟ้ลปส์ ดอด์จ ทั่วประเทศ ได้ที่ http://www.pdcable.com/distribution-2/

📞Tel. ‭02 680 5800‬
🌏www.pdcable.com
📱Line@: @phelpsdodge_th

#PhelpsDodge #ผู้เชี่ยวชาญเรื่องสายไฟ
#สายไฟคุณภาพสูง #สายไฟที่ดีที่สุด
#มาตรฐานความปลอดภัย
#ระดับโลก #WorldClass #สายทนไฟ
#FRC #PdfireTec #สายไฟฟ้า

สายไฟ คืออะไร

สายไฟ เป็นส่วนประกอบที่สำคัญอย่างหนึ่งในระบบไฟฟ้า ทำหน้าที่ส่งผ่านพลังานหรือสัญญาไฟฟ้าจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งโดยเฉพาะระบบส่งจ่ายกำลังไฟฟ้าจากแหล่งผลิตไฟฟ้าไปยังงผู้ใช้งานไฟฟ้าทั่วประเทศผ่านระบบสายส่งและระบบจำหน่ายไฟฟ้า ทั้งในระบบแรงดันสูง แรงดันปานกลาง และแรงดันต่ำนอกจากนี้สายไฟฟ้ายังใช้ในระบบสื่อสารและโทรคมนนาคม และ ระบบควบคุมในภาคอุตสาหกรรมอีกด้วย ทั้งนี้สายไฟฟ้า คือ วัสดุที่ประกอบไปด้วยธาตุโลหะที่มีคุณสมบัติในการนำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดี เนื่องจากเนื้อโลหะที่มีความแข็งและเหนียว โดยเฉพาะทองแดงที่สามารถนำมาแปรรูปได้ตามต้องการ จึงได้รับความนิยมในวงการของอุตสาหกรรมซึ่งสายไฟแต่ละชนิดจะได้รับการออกแบบแตกต่างกันออกไปตามโครงสร้างและคุณสมบัติการใช้งาน เช่น

  1. สายที่ประกอบไปด้วยตัวนำไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว
  2. สายที่ประกอบด้วยฉนวนหุ้มตัวนำไฟฟ้า
  3. สายที่ประกอบด้วยเปลือกหุ้มหรือชั้นป้องกันเสริมเป็นส่วนประกอบอยู่ภายใน
สายไฟ
สายไฟ หุ้มฉนวนตัวนำไฟฟ้า

สายไฟแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ

1. สายไฟฟ้าแรงดันต่ำ (Low Voltage Power cable)

ลักษณะของสายไฟ รับแรงดันไฟฟ้าได้ไม่เกิน 6kV ส่วนใหญ่จะมีฉนวนเป็น Cross-linked polyethylene (XLPE) ซึ่งมีความแข็งแรง ทนทานกว่าฉนวน PVC และยังทนความร้อนได้สูงถึง 90 ํC บางชนิดอาจมีการเสริมโครงสร้างโลหะเพื่อรับแรงกระแทกที่จะเกิดขึ้นจากการติดตั้งได้มากขึ้น เช่น สาย CV, CV-AWA, CV-SWA เป็นต้น

  1. 6/1 kV XLPE/PVC (สาย CV) รับแรงดันได้ 600/1000V ฉนวนทำจาก Cross-linked polyethylene (XLPE) เปลือกนอกเป็น PVC ตัวนำเป็นทองแดง มีตั้งแต่ชนิดตัวนำแกนเดี่ยว จนถึง ตัวนำสี่แกน การใช้งานสามารถฝังดินโดยตรง ร้อยท่อฝังดิน ร้อยท่อฝังผนังคอนกรีต ร้อยท่อเดินใต้ฝ้าอาคาร เดินเกาะผนัง เดินบนฉนวนลูกถ้วย และ เดินในช่องเดินสายชนิด wire-way ที่ปิดมิดชิด
  2. 6/1 kV XLPE/PVC/AWA (สาย CV-AWA) และ 6/1 kV XLPE/PVC/SWA (สาย CV-SWA) รับแรงดันได้ 600/1000V ฉนวนเปลือก ตัวนำและการใช้งานเหมือนสาย CV แต่มีการเสริมโครงสร้างลวดอะลูมิเนียมและลวดเหล็กตามลำดับ เรียกโครงสร้างชั้นนี้ว่า Metallic Shield โดย Metallic Shield นี้จะช่วยสลายประจุไฟฟ้าที่เกิดขึ้นบนผิวฉนวนไม่ให้แพร่ไปยังโครงสร้างชั้นอื่นๆ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการใช้งาน

2.สายไฟฟ้าแรงดันสูง (High Voltage Power Cable)

รับแรงดันไฟฟ้าตั้งแต่ 36kV ถึง 170kV ตัวนำทองแดง มีโครงสร้างหลายแบบขึ้นอยู่กับลักษณะการนำไปใช้งาน เช่น

  1. 69 kV Cu/XLPE/CWS/LAT/PE สายไฟแรงดันสูงที่รับแรงดันได้สูงสุด 69kV ตัวนำทองแดง ฉนวน XLPE เสริมโครงสร้าง Copper wire shield เพื่อสลายประจุไฟฟ้าที่เกิดขึ้นบนผิวฉนวนไม่ให้แผ่ไปยังโครงสร้างชั้นอื่นๆ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการใช้งาน และ Laminated Aluminium tape เพื่อป้องกันการซึมของน้ำ เปลือกเป็น PE ซึ่งทำเป็นลักษณะของ Ribbed Oversheath ซึ่งช่วยลดแรงเสียดทานในขณะทำการลากสาย
  2. 36/69(72.5) kV Cu/XLPE/LS/PE สายไฟที่รับแรงดันได้สูงสุด 5 kV ตัวนำทองแดง ฉนวน XLPE เสริมโครงสร้าง Lead Sheath ที่ช่วยป้องกันการซึมของน้ำ ทนต่อการกัดกร่อนของไอน้ำมันและสารเคมีได้ดี(นิยมใช้ในงานอุตสาหกรรมปิโตรเคมี) เปลือกทำจาก PE
  3. 127/230(245) kV Cu/XLPE/CCS/PE สายไฟที่รับแรงดันได้สูงสุด 245 kV ตัวนำทองแดง ฉนวน XLPE เสริมโครงสร้าง Corrugated copper sheath ที่ช่วยป้องกันการซึมของน้ำและช่วยรับแรงกระแทก ความพิเศษของ Corrugated sheath คือ มีความยิดหยุ่น ทำให้สามารถดัดโค้งสายไฟได้ง่ายขึ้น เปลือกทำจาก PE
ประเภทของสายไฟ
สายไฟฟ้าแรงดันสูง

วิธีเลือกใช้สายไฟให้เหมาะสมกับประเภทของงาน

สายไฟสำหรับติดตั้งภายในบ้าน หรือ อาคาร

การเลือกสายไฟสำหรับ บ้านพักอาศัย หรือ อาคารขนาดเล็ก สิ่งสำคัญที่สุดคือ เรื่องความปลอดภัยและคุณภาพของการผลิตที่ได้มาตรฐาน มอก. และ มาตรฐานระดับสากล IEC  เพราะสายไฟในกลุ่มประเภท Household รวมไปถึงสายโทรศัพท์ เป็นสายไฟที่ใกล้ตัวผู้อยู่อาศัยมากที่สุด และอยู่รอบตัวของผู้ใช้ตลอดเวลา ดังนั้นควรเลือกใช้สายไฟฟ้าที่ผลิตได้ถูกต้องตรงมาตรฐานกำหนด คุณภาพสูง และ มีความปลอดภัยสูงสุด เพื่อให้ปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน นอกจากนั้นควรพิจารณาถึงวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตด้วย ซึ่งได้แก่

  1. ตัวนำทองแดง มีค่าความนำไฟฟ้าที่ดีเยี่ยม โดย Phelps dodge เลือกใช้ทองแดงบริสุทธิ์ 99% ซึ่งเป็นเกรดที่ดีที่สุด
  2. ฉนวนและเปลือกสายไฟต้องเลือกใช้ PVC เกรดพิเศษที่สามารถทนอุณหภูมิความร้อนได้ตรงตามมาตรฐานกำหนด เพื่อให้กระแสไฟฟ้าไม่รั่วไหลมาทำอันตรายแก่ผู้ใช้งาน และสายไฟมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน สำหรับสายไฟในกลุ่ม Household จะมีแรงดันไฟฟ้าตั้งแต่ 300V-750V ได้แก่ สาย 60227 IEC01 (THW),VCT,VAF,NYY
สายไฟสำหรับติดตั้งภายในบ้าน หรือ อาคาร
การผลิตสายไฟใช้ในบ้าน หรือ ในอาคาร

สายไฟฟ้าสำหรับระบบสาธารณูปโภค

สายไฟฟ้าในระบบสาธารณูปโภค เป็นระบบที่สำคัญในการเชื่อมโยง ระบบไฟฟ้าแรงสูงจากโรงผลิตไฟฟ้า เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่แห่งพลังงานไฟฟ้า ที่เชื่อมต่อให้ประชาชนทั่วประเทศ ดังนั้นสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ลที่ใช้งานเพื่อเป็นสายส่งนั้น ต้องมีความปลอดภัยสูงสุด มีสภาพพร้อมใช้งานตลอดเวลา ดังนั้นควรเลือกใช้สายไฟฟ้าที่ผลิตได้ถูกต้องตรงมาตรฐานกำหนด คุณภาพสูง และ มีความปลอดภัยสูงสุด เพื่อให้ปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน นอกจากนั้นควรพิจารณาถึงวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตด้วย ซึ่งได้แก่

  1. ตัวนำทองแดง มีค่าความนำไฟฟ้าที่ดีเยี่ยม โดย Phelps dodge เลือกใช้ทองแดงบริสุทธิ์ 99% ซึ่งเป็นเกรดที่ดีที่สุด
  2. ฉนวนของสายไฟเป็นฉนวน Cross-linked polyethylene(XLPE) ทึ่ต้องมีความทนทาน และทนความร้อนได้สูงถึง 90 องศาเซลเซียส

สายไฟที่่ใช้ในงานสาธารณูปโภค โรงไฟฟ้า สถานีไฟฟ้า การไฟฟ้า การส่งจ่ายกำลังไฟฟ้าบนดินและใต้ดิน นั้นจะประกอบไปด้วยสายไฟฟ้าแรงดันปานกลาง สายไฟฟ้าแรงดันสูง และสายไฟฟ้าแรงดันสูงพิเศษ รวมไปถึงสายไฟฟ้าที่ต้องการคุณสมบัติพิเศษเพื่อป้องกันน้ำ ป้องกันไอระเหยหรือการกัดกร่อนจากสารเคมี และอาจมีการเสริมโครงสร้างโลหะเพื่อรับแรงกระแทกที่อาจเกิดขึ้นจากการติดตั้ง  โดยเป็นสายไฟฟ้าแรงดันสูงตั้งแต่ 36kV – 170kV  และ สายไฟแรงดันสูงพิเศษ  230 kV ขึ้นไป

สายไฟฟ้าแรงดันสูง SAC-TH
สายไฟฟ้าแรงดันสูง MXLP-CTS-TH
สายไฟฟ้าแรงดันสูง HXLP-CWS-LAT-TH

สายไฟที่ใช้ในงานอาคารสูง อาคารสาธารณะ อาคารขนาดใหญ่พิเศษ

การติดตั้งสายไฟภายในอาคารสูง โรงงาน หรือ อาคารสาธารณะ ต้องเริ่มจากการออกแบบให้เป็นไปตามข้อกำหนดของมาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับและต้องเลือกใช้สายไฟฟ้าที่ได้มาตรฐานกำหนด เพราะความปลอดภัยของผู้ใช้งานเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
ดังนั้นควรเลือกใช้สายไฟฟ้าที่ผลิตได้ถูกต้องตรงมาตรฐาน คุณภาพสูง และ มีความปลอดภัยสูงสุด เพื่อให้ปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน นอกจากนั้นควรพิจารณาถึงวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตด้วย ซึ่งได้แก่

  1. ตัวนำทองแดง มีค่าความนำไฟฟ้าที่ดีเยี่ยม โดย Phelps dodge เลือกใช้ทองแดงบริสุทธิ์ 99% ซึ่งเป็นเกรดที่ดีที่สุด
  2. ฉนวนของสายไฟเป็นฉนวน Cross-linked polyethylene(XLPE) ทึ่ต้องมีความทนทาน และทนความร้อนได้สูงถึง 90 องศาเซลเซียส
  3. สายไฟบางชนิดควรมีโครงสร้างโลหะเพื่อสามารถรับแรงกระแทกที่เกิดจากติดตั้ง

สำหรับสายไฟในกลุ่ม Building and Construction จะเป็นสายไฟชนิด Low Voltage โดยมีแรงดันไฟฟ้าไม่เกิน 1,000V เช่นสาย CV,CV-AWA,CV-SWA เป็นต้น

สายไฟชนิด Low Voltage

สายไฟที่ใช้ในอุตสาหกรรมทั่วไป ตลอดจนอุตสาหกรรมปิโตรเคมี วัสดุพอลิเมอร์ น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ

การออกแบบและติดตั้งสายไฟฟ้าในระบบอุตสาหกรรมทั่วไป ตลอดจนอุตสาหกรรมปิโตรเคมี วัสดุพอลิเมอร์ น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ต้องคำนึงถึงประเภทของสายไฟชนิดพิเศษที่มีความเหมาะสมต่อระบบอุตสาหกรรม เครื่องจักรที่ใช้งาน ระบบรักษาความปลอดภัย ระบบป้องกันไฟไหม้

เพื่อให้กระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมเป็นไปได้อย่างถูกต้อง สะดวก และ ปลอดภัยสูงสุด ดังนั้นควรเลือกใช้สายไฟฟ้าที่ผลิตได้ถูกต้องตรงมาตรฐานกำหนด คุณภาพสูง และ มีความปลอดภัยสูงสุด เพื่อให้ปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน นอกจากนั้นควรพิจารณาถึงวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตด้วย ซึ่งได้แก่

  1. ตัวนำทองแดง มีค่าความนำไฟฟ้าที่ดีเยี่ยม โดย Phelps dodge เลือกใช้ทองแดงบริสุทธิ์ 99% ซึ่งเป็นเกรดที่ดีที่สุด
  2. ฉนวนของสายไฟเป็นฉนวน Cross-linked polyethylene(XLPE) ทึ่ต้องมีความทนทาน และทนความร้อนได้สูงถึง 90 องศาเซลเซียส

สายไฟในกลุ่ม Industrial,Oil&Gas and Petrochemical ประกอบไปด้วยสายไฟฟ้าแรงดันต่ำ สายไฟฟ้าแรงดันปานกลาง และสายไฟฟ้าแรงดันต่ำที่มีคุณสมบัติพิเศษชนิดทนไฟ ไม่ลามไฟ มีควันน้อย และไม่มีก๊าซพิษ รวมไปถึงสายไฟฟ้าที่ต้องการคุณสมบัติพิเศษเพื่อป้องกันน้ำ ป้องกันไอระเหยหรือการกัดกร่อนจากสารเคมี และอาจมีการเสริมโครงสร้างโลหะเพื่อรับแรงกระแทกที่อาจเกิดขึ้นจากการติดตั้ง

สายไฟฟ้าแรงดันต่ำ CV-AWA-TH
สายไฟฟ้าแรงดันปานกลาง CVV-TH
สายไฟฟ้าแรงดันต่ำที่มีคุณสมบัติพิเศษชนิดทนไฟ FRC-Single-core-Non-sheath

ประโยชน์ของการเลือกใช้สายไฟที่ถูกต้อง

สายไฟที่มีคุณภาพ ปัจจุบันไฟฟ้าเป็นสิ่งที่จำเป็นและอยู่รอบตัวเรา เราใช้ไฟฟ้าตลอด 24 ชั่วโมงทุกๆวัน ไฟฟ้าจึงเป็นสิ่งที่ให้ประโยชน์แก่มนุษยชาติอย่างมหาศาล อย่างไรก็ตามแม้ว่าไฟฟ้าจะให้ประโยชน์มากมายเพียงใด หากใช้อย่างไม่ระมัดระวัง ใช้ด้วยความประมาท ก็อาจทำให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อชีวิตและทรัพย์สินได้เช่นกัน การใช้ไฟฟ้าจึงต้องให้ความสำคัญกับเรื่องของความปลอดภัยเป็นอันดับแรก

สายไฟฟ้าทำหน้าที่เป็นทั้งตัวนำพลังงานไฟฟ้ามาให้เราใช้งานและขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่ปกป้องเราจากอันตรายของไฟฟ้าด้วย สายไฟฟ้าที่ไม่ได้คุณภาพมักจะผลิตจากวัตถุดิบคุณภาพต่ำ หรือคุณลักษณะไม่ผ่านตามมาตรฐาน เช่น ขนาดตัวนำทองแดงหรือความหนาฉนวนต่ำกว่ามาตรฐาน ซึ่งส่งผลให้สายไฟฟ้าไม่สามารถทนแรงดันไฟฟ้าหรือจ่ายกระแสไฟฟ้าได้ตามที่มาตรฐานกำหนด เมื่อนำมาใช้งานก็อาจเกิดความร้อนสูงหรือเกิดลัดวงจร เป็นอันตรายร้ายแรงขึ้นได้ ดังนั้นการเลือกใช้สายไฟฟ้าจึงไม่ควรพิจารณาเพียงราคาถูกที่สุดหรือใช้สายอะไรก็ได้ แต่จำเป็นต้องเลือกใช้สายไฟที่มีความน่าเชื่อถือ และมีคุณภาพมาตรฐานระดับสากล เพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของคุณจากอันตรายที่อาจเกิดจากการใช้ไฟฟ้าในแต่ละวัน

ตารางตัวอย่างการเลือกใช้งานของสายไฟแต่ละเส้น

ตารางตัวอย่างการเลือกใช้งานของสายไฟแต่ละเส้น

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ตั้งค่าทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้ที่เกี่ยวกับดำเนินการฟังก์ชัน

    ยินยอมให้ใช้ Functionality Cookies ที่ทำหน้าที่จดจำการตั้งค่าบนแพลตฟอร์ม เช่น ชื่อบัญชีผู้ใช้ ภาษา ฟ้อนต์ และรูปแบบแพลตฟอร์ม

  • คุกกี้ประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์

    ยินยอมให้ใช้ Performance Cookies เพื่อประเมินประสิทธิภาพในการทำงานแต่ละส่วนของเว็บไซต์เพื่อการปรับปรุง

  • คุกกี้วิเคราะห์สำหรับการโฆษณา

    ยินยอมให้ใช้ Advertising Cookies เพื่อการนำเสนอสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวข้องและตรงกับความสนใจได้มากขึ้น

บันทึก